หลังการเลือกตั้ง 2566 ความสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป. เริ่มถอยห่าง ปิดฉากลงจากหลังเสือ อาศัยเกมอำนาจที่อยู่ในมือเขี่ยพรรคก้าวไกล ให้พ้นจากการเป็นรัฐบาลได้สำเร็จ เริ่มจากน้องเล็ก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศวางมือทางการเมือง ก่อนวันโหวตพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ เหมือนรู้ว่าพิธา ต้องเจอแผนสกัด เช่นเดียวกับ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ประเมินตัวเองบอกลาการเมือง ตั้งปลายปี 2565 เพราะอายุมากแล้ว

เมื่อน้องคนเล็กและพี่คนรอง ประกาศอย่างชัดเจนไปแล้ว ยังเหลืออีก 1 ป. ผู้เป็นพี่ใหญ่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เตรียมลาออก สส. แต่เหตุไฉนไม่ยอมทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพลังประชารัฐ หรือจะรอจังหวะอะไรบางอย่าง ระหว่างที่ ครม.เศรษฐา 1 เดินหน้าบริหารประเทศชาติ แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้ใจคนไทย และเรียกศรัทธาคืนมา

พี่น้อง 3 ป.
พี่น้อง 3 ป. "บิ๊กป้อม บิ๊กป๊อก บิ๊กตู่"

...

พี่ใหญ่-น้องเล็ก 3 ป. ยังอยู่เบื้องหลังการเมือง

สรุปแล้วอนาคตพี่น้อง 3 ป. จะเป็นอย่างไรต่อไป หลังการรัฐประหารปี 2557 แม้จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป 24 มี.ค. 2562 แต่ยังครองอำนาจยาว กระทั่งหลังการเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค. 2566 ได้รัฐบาลใหม่ "เศรษฐา 1" กับการปิดฉาก 9 ปี ระบอบ 3 ป. "รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์" คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มองว่า 3 ป. เป็นพี่น้องทางการทหารมาด้วยกัน และทำการเมืองมาด้วยกัน จนถึงวันต้องปิดฉาก หากมองอนาคตของแต่ละคน เริ่มจากบิ๊กตู่ คิดว่ายังต้องอยู่เบื้องหลังการเมือง เช่นเดียวกับบิ๊กป้อม เพราะน่าจะมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อบ้านเมือง ส่วนบิ๊กป๊อก คงถอยจริงๆ แม้เคยอยู่ในอำนาจมายาวนาน

"พี่ใหญ่และน้องคนเล็ก 3 ป. ยังคงอยู่เบื้องหลังการเมือง จากความห่วงใยบ้านเมือง อาจไม่ทิ้งเสียทีเดียว ในกรณีบิ๊กป้อม ไม่ทิ้งตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นเงื่อนไขสำคัญ แม้แตกต่างจากบิ๊กตู่ ลาออกจากหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่อย่างไรแล้วทั้ง 2 คน ก็มีบทบาทในพรรค จะไม่ยอมปล่อยทิ้งโดยปริยายอย่างแน่นอน"

เมื่อมองถึงความสัมพันธ์ของบิ๊กป้อมกับคนในพรรคพลังประชารัฐ มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เพียงแต่โควตารัฐมนตรี มีการเจรจาไม่ลงตัว แม้กระทั่ง ไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ก็หลุดโผ ครม. และเมื่อมองถึงเบื้องลึกเบื้องหลังในพรรคการเมือง ซึ่งเรื่องทุนสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ มีทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ มี ร.อ.ธรรมมนัส และสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นนายทุนพรรค แต่ทั้งสองคนอาจไม่คอยลงรอยกัน

การเมืองลงตัว สู่รัฐบาลข้ามขั้ว "3 ป." ไม่โดนเช็กบิล

ส่วนประเด็นที่ 3 ป. จะโดนเช็กบิลภายหลัง ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะสถานการณ์การเมืองอยู่ในช่วงรอยต่อ และขณะนี้ทุกอย่างลงตัวเป็นที่เรียบร้อย กลายเป็นรัฐบาลข้ามขั้ว เป็นรอยต่อในการส่งไม้ต่อระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลในลักษณะสุภาพบุรุษ คงไม่มีการเอาคืน ให้ทุกอย่างผ่านไป อย่างในอดีตก็ไม่การเอาคืน และรอบนี้มีความแตกต่างเพราะทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวแปร หากมีการเอาคืนตามเช็กบิล เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติ จะถอนตัวจากรัฐบาลแน่นอน

แต่อย่างไรแล้วทุกอย่างลงตัวในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น อาจแค่ 6 เดือนผ่านไป อาจมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้งพรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายค้าน ก็สามารถตั้งตัวได้แล้ว อาจได้เห็นการปรับ ครม. เพราะหน้าตา ครม."เศรษฐา 1" ค่อนข้างยี้ในสายตาประชาชน เป็นการจัดตามโควตา ไม่ได้จัดตามความสามารถ เพราะฉะนั้นรัฐบาลก็ต้องพยายามประคับประคองกัน และโอกาสที่บิ๊กป้อม จะได้ตำแหน่งใน ครม.หรือไม่ ก็มีโอกาส เพราะทุกอย่างในการเมืองไทยเกิดขึ้นได้หมด

พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี วันสุดท้าย
พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี วันสุดท้าย

...

"วันนี้พลังประชารัฐเป็นรองหมด ทั้งที่ก่อนหน้ารวมไทยสร้างชาติ เป็นรอง แต่หลังจากได้เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ จน ไผ่ ลิกค์ พลาดหลุดจากโผ ครม. ก็ต้องยอมจำนน และรอการปรับ ครม.รอบหน้า อาจมีสวิง โดยบิ๊กตู่ มองเกมอยู่ข้างนอก และอาจวางมือจริงๆ ในการลงจากหลังเสือ ซึ่งการลงครั้งนี้ไม่สวย เพราะรวมไทยสร้างชาติ แพ้เลือกตั้ง ก็เลยยอมจำนน หากลงตั้งแต่ช่วงปมนายกฯ 8 ปี น่าจะสวยงามมากกว่า สรุปแล้ว 3 ป. คนที่สบายที่สุด คือบิ๊กป๊อก เล่นการเมืองได้จังหวะดีมาก ถอยจบได้ดี อยู่บนเส้นความพอดี ไม่กระหายอำนาจ".