พรรคเพื่อไทย สายอีสานส่อระส่ำ หลังโผเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคพลังประชารัฐ มีแววจะเข้าวิน ทำให้สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในพื้นที่อีสาน ฐานเสียงสำคัญ เริ่มแสดงความไม่พอใจ หวั่นว่า นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ จะไม่ได้รับการตอบสนอง จนส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งถัดไป
ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี ในฐานะผู้ติดตามเรื่องนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นเวลานาน วิเคราะห์ว่า โผคณะรัฐมนตรีที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คนเลือกพรรคที่นโยบาย เมื่อเพื่อไทยมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คนที่ทำงานด้านการเกษตรกรรมส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะมาเป็นแกนหลักในการบริหารนโยบายที่หาเสียงไว้ แต่ตามโผกลับยกเก้าอี้ให้พรรคอื่น
“ความเป็นจริง แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ควรเป็นผู้บริหารกระทรวงเกษตรที่เป็นแกนหลักในการบริหาร แต่การแต่งตั้งรัฐมนตรีกลับกลายเป็นการต่อรองตำแหน่งของพรรคร่วม ทั้งที่จริงควรนำนโยบายด้านการเกษตรของทุกพรรคการเมืองมาวิเคราะห์ หาแนวทางบริหารให้มีประสิทธิภาพ”
...
โผการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ที่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคพลังประชารัฐ มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย ในภาคอีสาน เนื่องจากที่ผ่านมามีการเดินทางไปหาเสียง ชูนโยบายหลักในการผลักดันรายได้เกษตรกร ให้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า พักหนี้ไม่คิดดอกเบี้ยเกษตรกรอีก 3 ปี แต่เมื่อคนของพรรคร่วมเข้ามานั่งเก้าอี้ ทำให้หลายนโยบายไม่เป็นไปตามที่หาเสียงไว้
“จุดแข็งของเพื่อไทย คือ การเสนอนโยบายการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร แม้มีการวิจารณ์เรื่องนโยบายจำนำข้าวหลายครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นนโยบายที่ได้รับคะแนนเสียงท้วมท้นจากเกษตรกร ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทย ยกเก้าอี้กระทรวงเกษตรฯ ให้พรรคร่วมอื่น ต้องสร้างหลักประกันว่า นโยบายด้านเกษตร ที่เคยหาเสียงไว้ ต้องมีการสานต่อเป็นรูปธรรม แต่ภาวะนี้ไม่มีประเด็นนี้จากพรรคเพื่อไทย”
หากมองเชิงเปรียบเทียบ นโยบายเกษตรกรรมของเพื่อไทยกับพลังประชารัฐ มีความคล้ายกันบางจุด โดยเพื่อไทย มุ่งเน้นเพิ่มรายได้เกษตรกรขึ้นเป็น 3 เท่า จัดการปัญหาเรื่องที่ดิน น้ำในการเกษตร ส่วนพรรคพลังประชารัฐ เน้นนโยบาย 3 ลด 3 เพิ่ม แม้เป็นนโยบายที่ดี แต่ยังไม่เห็นการลงรายละเอียดการทำงานที่ชัดเจน เพื่อให้ไปถึงเป้าที่ตั้งไว้
“จุดอ่อนนโยบายด้านเกษตรของพรรคพลังประชารัฐคือ มีนโยบายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แล้วทำได้จริงหรือไม่ เหมือนกับเขียนนโยบายไว้สวย แต่ไม่เห็นกลไก ผู้นำในพรรคที่นำสู่แนวทางตามนโยบายนั้นจริง ต่างจากยุคสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่มีความเด่นชัด เรื่องส่งเสริมการเลี้ยงโค”
นโยบายด้านการเกษตร ของพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้หาเสียงไว้ยังไม่เห็นถึงความโดดเด่น แม้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยรับหน้าที่ในกระทรวงฯ ยังไม่เห็นภาพลักษณ์การส่งเสริมเกษตรกรที่โดดเด่นมากพอ แต่พอทราบมาว่าท่านเป็นคนลงพื้นที่ทำงานก็ตาม
สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ต้องเร่งทำคือ ขณะนี้ไทยกำลังประสบภัยแล้งหนักในรอบหลาย 10 ปี และแล้งยาวนานถึง 4 ปี เพราะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ แต่ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลใดออกมาแสดงความคิดเห็นแนวทางการทำงานอย่างมียุทธศาสตร์
ขณะเดียวกัน ควรวางแผนทำนโยบายป้องกันการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการทำเกษตรกรรม เพราะทั่วโลกถือว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ ขณะที่อีกประเด็นสำคัญ คือการแก้ไขราคาเกษตร หรือการเพิ่มรายรับของผลผลิต ที่ผ่านมายังเป็นนโยบายเฉพาะหน้า แม้ที่ผ่านมาเพื่อไทยเคยเสนอไว้ แต่ไม่ชัดเจนเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต และการขายสินค้าเกษตร.
...