ภารกิจแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กลายเป็นเผือกร้อนตกมาที่พรรคเพื่อไทย จำต้องฉีกทิ้งเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ยอมรักล่มแยกทางกับพรรคก้าวไกล ดีกว่าตายหมู่ แลกกับเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในการรวบรวมเสียงให้ได้รับการโหวตแบบชัวร์ๆ ยอมกลืนน้ำลายตัวเองจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ไม่สนไม่แคร์ว่าเป็นพรรค “2 ลุง” หรือไม่ จนแทงทะลุหัวใจพรรคก้าวไกล เคยประกาศจุดยืน “มีลุงไม่มีเรา” เพราะพรรคเพื่อไทย กลับคำหาทางสะบั้นรัก
สัญญาณเคลียร์พื้นที่ปลอดสีส้ม ชัดเจนมากขึ้นจากการออกมาพูดของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในทำนองว่าพรรคก้าวไกลต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร หากเป็นเช่นนี้พรรคเพื่อไทยก็ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ ตอนนี้เปรียบเสมือนยืนอยู่กลางทะเล และเรือล่ม มีคนแก่ ผู้หญิง เด็ก ต้องให้เด็ก คนแก่ ผู้หญิง ขึ้นก่อน ต้องมีผู้เสียสละเพื่อให้ประชาธิปไตยไปได้ ถ้าไม่มีการเสียสละก็ไปไม่ได้ ทำเอาบรรดาคอการเมืองทั้งหลายตั้งคำถามในตรรกะนี้ว่าสรุปแล้วถ้าเรือล่มกลางทะเล จะเลือกให้คนหนุ่มรอด หรือคนแก่
สมการการเมืองไทยได้พลิกผันเปลี่ยนไปมา จนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่าวันนี้ชัดเจนแล้วว่าองคาพยพฝั่งอนุรักษนิยมทั้งหมดไม่ยอมให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยเอาเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 มาเป็นเงื่อนไขข้ออ้าง แต่การที่ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ไม่ได้หมายความว่าความหวังของพวกเราในการเปลี่ยนแปลงประเทศจะสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
...
ลุงตู่ประกาศวางมือ แผนดีลลับ ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว
เมื่อการเมืองไทยเริ่มหงายไพ่ให้เห็น มีแนวโน้มสูงจะเป็นรัฐบาลข้ามขั้ว และการตบเท้าร่วมวงด้วยของพรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ของ “2 ลุง” ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าดีลลับมีจริง ในความเห็นของ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต และมองว่าบอลเข้าทางพรรคเพื่อไทย หลัง ”ส้มก้าวพลาด” ตั้งแต่ตำแหน่งประธานสภาฯ จนมาถึงเรื่องโหวตนายกรัฐมนตรี เสนอชื่อซ้ำไม่ได้ จากการตัดสินของประธานสภาฯ จนเกิดการตีรวน ทำให้พรรคก้าวไกลต้องประกาศถอย เป็นความจำเป็นต้องถอยตามมรรยาท เพราะพรรคเพื่อไทย เหนือกว่า
“เมื่อเพื่อไทย ได้ฉันทามติให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นสิ่งที่เพื่อไทย ก็คาดคะเนมาตั้งแต่ต้นแล้ว ต้องลองหาแนวทางความร่วมมือจัดตั้งรัฐบาล เพราะจะเขี่ยก้าวไกล ออกไปก็เป็นความหนักใจ บนความสบายใจ กลายเป็นทาง 2 แพ่ง ซึ่งแพ่งแรกจะสลัดก้าวไกลอย่างไร ก็ต้องแสวงหาบนพื้นฐานที่ก้าวไกลจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคใด ทำให้ก้าวไกลต้องถอยร่นไปเอง โดยเพื่อไทย ไม่ต้องมาบอก จนมีข่าวว่าเพื่อไทย ส่งจดหมายรักไปยังภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ ชาติพัฒนากล้า ถือว่าหมากเกมนี้มีดีลลับจริงๆ”
เหตุผลที่เชื่อว่ามีดีลลับ เห็นได้จากการประกาศวางมือทางการเมืองของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่กี่วัน และบรรดา สว. รวมถึง สส. ฝ่ายขั้วอำนาจเดิม ออกมาประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคก้าวไกล ไม่จะกรณีใดก็ตาม และการประกาศ “ไม่มีลุงไม่มีเรา” ส่งผลกระทบต่อพรรคเพื่อไทย ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อาจได้ไม่ถึง 375 เสียง ทำให้พรรคเพื่อไทย เดินเกมด้วยการส่งจดหมายรัก โดยใช้มอตโตใหญ่ว่าหาทางออกของประเทศ ซึ่งพรรคต่างๆ จะปฏิเสธไม่ได้ และทุกพรรค ไม่ปฏิเสธในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล
คิวต่อไปลุงป้อม อาจวางมือ ส่งพรรค "2 ลุง" ร่วมรัฐบาล
หรือหลังจากนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจประกาศวางมือทางการเมือง ไม่ร่วมสังฆกรรมในการจัดตั้งรัฐบาลก็ได้ แต่ให้คำปรึกษาอยู่เบื้องหลัง และจะไม่มีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทย ต้องทำให้พรรคก้าวไกล ตัดสินใจว่าจะอยู่ร่วมด้วยหรือไม่ แต่คิดว่าพรรคก้าวไกล คงยอมถอยเพราะหวังอนาคตข้างหน้า ทำให้ทั้งสองพรรคจะจากกันด้วยดี และพรรคก้าวไกล ก็เข้าใจหากยังอยู่ร่วมด้วย จะทำให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ไม่ผ่านด่าน สว.
...
“ไม่คิดว่าลุงตู่ จะวางมือทางการเมือง กระทั่งเกิดขึ้นจริงๆ และลุงป้อม ก็ยินดีอยู่แล้ว คงจะประกาศวางมือทีหลัง เพื่อให้พรรคตัวเอง เข้าร่วมรัฐบาล แต่ก็เป็นพรรคของ 2 ลุงอยู่ดี อีกอย่างการเป็นรัฐบาล ไม่ทำให้อดยากปากแห้ง ก็ต้องเป็นรัฐบาล และหากเพื่อไทยจะหวังพึ่งสว. คงไม่ได้ ก็ต้องรวบรวมสส.จากพรรคขั้วอำนาจเดิม เข้ามาเติม ทำให้กลุ่มทุนผูกขาดทั้งหลายแฮปปี้ กองทัพก็แฮปปี้ และเพื่อไทย ก็คือไทยรักไทยในอดีต มีสส.ภูมิใจไทย เคยสังกัดอยู่ เลือดต้องข้นกว่าน้ำ ตัดบัวก็ยังเหลือเยื่อใย และยังมีวันนอร์ ก็เคยเป็นรากเหง้าของไทยรักไทย มาก่อน”
บทเรียนก้าวไกล พ่ายความเก๋าเพื่อไทยและพวกพ้อง
เกมการเมืองจนบอลเข้าทางพรรคเพื่อไทย ถือเป็นบทเรียนสำคัญของพรรคก้าวไกล และพรรคอนาคตใหม่ ในอดีต ว่าอย่าสุดขั้ว ต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงการปกครองว่าไม่สามารถเปลี่ยนได้ทันที เพราะวัยรุ่นมักไม่สนใจประวัติศาสตร์ ไม่สนข้างหลัง จะต้องทำการเมืองแบบบูรณาการ อย่าทำการเมืองแบบสุดโต่งเกินไป และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้า พรรคเพื่อไทย จะสามารถปิดดีลได้หมด เพราะมองเกมการเมืองทะลุ ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย โดยวันที่ 27 ก.ค.นี้ คงส่งชื่อตัวจริงโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หลังทุกอย่างหารือจนลงตัว อาจผ่านแบบม้วนเดียวจบ
...
หากประเมินการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย จะได้เสียง สส. รวม 300 กว่าขึ้นไป และการบริหารในแง่การเมืองไม่น่ามีปัญหา เพราะผลประโยชน์ลงตัว มีการจัดสรรเรื่องตำแหน่งต่างๆ ตามจำนวนที่นั่งสส. และพรรคร่วมรัฐบาล คงรู้ว่ากระทรวงใดควรเป็นของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และกระทรวงเดิมเคยได้โควตาอาจมีการขยับ เพราะการเชื้อเชิญพรรคต่างๆ เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อหาทางออกของประเทศ มีนัยว่าอย่าต่อรองทางการเมืองกันมากมาย.