ในที่สุด ”ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ประกาศวางมือทางการเมือง และลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังการเลือกตั้งผ่านมากว่า 2 เดือน กับความพ่ายแพ้ยับเยินของพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้ก่อนหน้านั้น ธนกร วังบุญคงชนะ มือขวาของลุงตู่ เคยออกมาส่งสัญญาณว่าพล.อ.ประยุทธ์ คงพอแล้วในทางการเมือง กระทั่งมีออกมากลับลำอ้างว่าไม่ขอก้าวล่วง และท่าทีในขณะนั้นของพล.อ.ประยุทธ์ ดูเหมือนจะนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จนคาดกันว่าอาจรอเวลาทำอะไรบางอย่างในทางการเมือง
การประกาศวางมือทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วง 2 วันก่อนวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี น่าจะมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่? และยิ่งสร้างความงงงวยให้กับ “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองว่า จังหวะในการออกมาประกาศวางมือทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ มีความน่าสนใจ เพราะประกาศวางมือทางการเมืองวันที่ 11 ก.ค. และวันที่ 13 ก.ค. เป็นวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าประกาศออกมาแบบนี้เชื่อว่าวางมือทางการเมืองจริง แต่อาจส่งผลให้พรรคพลังประชารัฐ รวมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ที่นั่งส.ส.รวมกัน 76 ที่นั่ง ซึ่งไม่น้อย ในช่วงเวลาจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
...
“ลุงตู่ ประกาศวางมือล่วงหน้า 2 วัน ก่อนโหวตเลือกนายกฯ ทำให้มีโอกาสหรือไม่ ในการเปิดทางให้ 2 พรรค จะโหวตเลือกลุงป้อม เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีภูมิใจไทย สนับสนุน กับพรรคอื่นๆ รวม 188 ที่นั่ง ทำให้ลุงป้อม เป็นนายกฯ ได้ทันที เพราะส.ว. ยินดียกมือให้อยู่แล้ว อาจเห็นงูเห่าเกิดขึ้นมาจนได้ส.ส. 252 เสียง ก็เท่านั้นเอง แต่เมื่อเก็บไปเก็บมา ก็เก็บได้อีก 30 กว่าเสียง อีกทั้งลุงป้อม ก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธว่าจะไม่เป็นนายกฯ เมื่อลุงตู่ ไม่อยู่ ทำให้ 2 พรรครวมกันง่ายมาก เป็นการเปิดทางให้ ส.ส.ไปจับขั้วกัน เพราะเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขกันมาตั้งแต่แรก”
หวั่นโหวตเลือกนายกฯ ยืดเยื้อ ม็อบชุลมุนเกิดเหตุวุ่นวาย
ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 13 ก.ค. อาจมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเติมทีหลัง เพื่อแข่งกับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เหมือนกับพล.อ.ประยุทธ์ คิดว่าอย่างน้อยให้พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ดีกว่าให้พิธา เป็น และที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาย้ำตลอดว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ยึดสถาบันหลักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สะเทือนไปยังพรรคก้าวไกล จะแก้มาตรา 112 และพล.อ.ประวิตร ก็มีบุคลิกตรงในการเชิดชูสถาบันหลัก
“คาดว่าในวันโหวตเลือกนายกฯ จะยังไม่เสนอชื่อแข่งขันในครั้งแรก และเมื่อพิธา ได้ไม่ครบ 376 เสียง ก็เป็นไปได้ว่าจะมีการเสนอลุงป้อม และสงสัยว่าทำไมประธานสภา ถึงให้อภิปรายยาวนาน 6 ชั่วโมง จะต้องอภิปรายอะไร แล้วให้โหวตนายกฯ ในช่วงค่ำ หากไม่เป็นไปตามที่คนคาดหวัง เกรงว่าจะเกิดม็อบข้ามคืน หรือถ้ามีแคนดิเดตนายกฯ 1 คน ก็ให้แสดงวิสัยทัศน์เหมือนตอนเลือกประธานสภา ก็ได้ เพราะในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ระบุว่าควรทำแบบนี้ และกว่าจะขานชื่อ 750 คนให้เลือกนายกฯ ก็จะยืดเยื้อใช้เวลาเยอะ เฉลี่ยคนละ 1 นาที เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย”
อีกทั้งในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทางตำรวจได้เตรียมรับมือม็อบอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าม็อบจะมาเป็นจำนวนมาก หากเปิดโอกาสให้มีการโหวตยืดเยื้อไปจนถึงกลางคืน จะทำให้กลุ่มม็อบต้องรอจนกว่าจะรู้ผล เกรงว่าสถานการณ์จะมีความวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างเกิดอารมณ์ จนม็อบอาจมีการปะทุ ปะทะระหว่างกันขึ้นมาได้ หากเปิดให้อภิปรายก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดาว่าอาจไม่จบในช่วง 5 โมงเย็น เพราะมีการประท้วงอัดกันไปมา
...
ลุงตู่ วางมือเพื่อใคร หรือเปิดทางให้ลุงป้อม เป็นนายกฯ
การประกาศวางมือทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ สามารถทำได้หลังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หรือประกาศออกมาตั้งแต่รู้ผลเลือกตั้ง แต่กลับมาประกาศล่วงหน้า 2 วัน ก่อนวันโหวต ผ่านเพจของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยไม่ออกมาประกาศวางมือทางการเมืองออกมาจากปากของตัวเอง รวมถึงการลาออกจากพรรค ทำให้สงสัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะวางมือให้กับใคร หรืออย่างน้อยคิดว่าได้พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ดีกว่าให้พิธา เป็น ซึ่งน่าจะเป็นการวางมือทางการเมืองแบบมีอะไรซ่อนเงื่อนเอาไว้
โดยเฉพาะการที่เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกมายืนยันจะไม่เสนอชื่อพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นนายกรัฐมนตรี แข่งกับพิธา เพราะไม่เคยมีแนวคิดสนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อาจเป็นการเปิดทางให้พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมกันให้กลายเป็นพรรคเดียว เพื่อทำพันธกิจเชิดชูชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์.