ดราม่าจับทุเรียนเถื่อน เมื่อศุลกากร แถลงจับกุมรถขนทุเรียน ที่สืบทราบว่าลักลอบนำเข้าจากกัมพูชา กว่า 80 ตัน โดยมีการนำเข้ามาทาง ด่านชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จนมีการออกมาตอบโต้ของภาคเอกชน ถึงของกลางที่หายไป แต่สำหรับผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนไทย กลับมองว่า การจับกุมครั้งนี้ เป็นเหมือนไฟไหม้ฟาง หากประเทศคู่ค้าตามแนวชายแดน ห้ามนำเข้าผลไม้ไทย

กรณีเจ้าของล้งทุเรียน จ.จันทบุรี ร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว จับกุมรถบรรทุกทุเรียนน้ำหนักว่า 80 ตัน ระบุว่าทุเรียนที่บรรทุกมา มีถิ่นกำเนิดในต่างประเทศ ไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการผ่านพิธีการศุลกากร จึงตรวจยึดทุเรียนทั้งหมด มูลค่ากว่า 1,178,800 บาท พร้อมนำตัวผู้ต้องหา และยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิด ส่งด่านศุลกากรอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย จากนั้นมีการนำทุเรียนไปจำหน่ายให้กับหน่วยงานราชการต่อ จนเป็นที่วิจารณ์อย่างหนัก

สัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ว่า กรณีที่เกิดขึ้น กรมศุลกากรไม่ควรแถลงว่าทุเรียนดังกล่าวลักลอบนำเข้ามาจากกัมพูชา เพราะปกติมีธรรมเนียมการค้าชายแดน ในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ โดยมีกรอบกำหนดว่าไม่ควรเกินจำนวนเท่าไร และอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ หากกัมพูชา ตอบโต้ โดยการจับสินค้าไทย ที่ผ่านพรมแดนมาในลักษณะเดียวกัน

...

“ทุเรียนไม่ได้มีกฎหมายนำเข้า แต่ต้องมีกระบวนการในการตรวจสอบพืช ถ้าทุเรียนจากกัมพูชา มีใบนี้มายืนยันก็สามารถนำเข้ามาได้ เจ้าหน้าที่ควรมองประเด็นนี้ในความเป็นจริง ขณะเดียวกันควรมีการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน ไม่ใช่พอจับได้ของกลางแล้วรีบนำไปขายต่อ กรณีนี้ยังไม่ได้มีพฤติกรรมที่สวมสิทธิเหมือนกับทุเรียนเวียดนาม ที่เคยส่งเข้ามาแล้วตีทะเบียนเป็นทุเรียนไทยส่งออกไปจีน แต่เป็นเหมือนการนำเข้ามา เพื่อให้คนไทยบริโภคเล็กๆ น้อยๆ”

การรีบจำหน่ายของกลางค่อนข้างมีความผิดปกติ เพราะทุเรียนสามารถอยู่ได้เป็นอาทิตย์ แต่คาดว่าการรีบนำไปจำหน่าย เพราะกลัวว่าทุเรียนจะสุกแล้วราคาตก ถ้ามีการจับของกลางมาแล้วใช้เวลาพิสูจน์ทราบ จนทุเรียนสุก แล้วขายเข้าโรงงานกิโลกรัมละ 60 บาท ก็ยังได้ แต่นี่เป็นกระบวนการรีบเร่ง จนน่าผิดสังเกต ทั้งที่ทุเรียนที่จับได้ ยังไม่ได้ป้ายน้ำยา สามารถอยู่ได้ถึง 7 วัน

สำหรับความเป็นห่วงเรื่องทุเรียนกัมพูชา เข้ามาแย่งตลาดทุเรียนไทย ความเป็นจริงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกลไกตลาด เพราะทุกวันนี้ไทยส่งออกทุเรียนประมาณ 1.5 หมื่นตัน การนำเข้าทุเรียนกัมพูชาเข้าไทย ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ผิดกฎหมาย

ส่วนรสชาติทุเรียนกัมพูชา มีรสชาติอร่อยน้อยกว่าไทย เพราะขาดการใส่ปุ๋ย ดูแลอย่างเหมาะสม แต่ถ้าปล่อยให้ทุเรียนแก่จัด รสชาติจะใกล้เคียงกัน โดยทุเรียนที่ปลูกอยู่ในโซนภาคตะวันออกของไทย และประเทศเพื่อนบ้าน มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่นเดียวกับพันธุ์ทุเรียน ปัจจุบันเป็นทุเรียนแบบเสียบยอด ทำให้รสชาติไม่แตกต่างกัน ไม่เหมือนกับทุเรียนที่ใช้เมล็ดปลูก มีการกลายพันธุ์ได้มากกว่า

“ทุเรียนกัมพูชา ในช่วงปกติมีราคาแพงกว่าของไทย เนื่องจากมีพื้นที่ปลูกน้อย และใช้บริโภคในกัมพูชาเป็นหลัก เฉลี่ยราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาทขึ้นไป แต่คุณภาพรสชาติด้อยกว่าของไทย เพราะไม่ได้ฉีดยา เลยทำให้มีตำหนิราดำ โดยกัมพูชาจะปลูกทุเรียนมาก ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจังหวัดตราดของไทย ทำให้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ตอนนี้กัมพูชา ส่งออกลำไย ไปจีนโดยไม่ต้องผ่านไทยแล้ว คาดว่าทุเรียน ถ้ามีการจัดการที่ดี ก็ส่งออกได้เช่นกัน”

สิ่งที่หน่วยงานภาครัฐต้องแก้ไขคือ ทุเรียน มาเลเซีย ลาว กัมพูชา สามารถเข้ามาไทยได้หมด แต่ต้องมีกระบวนการตรวจพืชอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ธรรมเนียมการค้าชายแดน มีการทำมาตลอด จะต้องผ่อนผัน เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถ้าเป็นขบวนการใหญ่ นำเข้ามาเป็นตู้คอนเทนเนอร์ ต้องทำการจับกุม แต่ถ้าเป็นชาวบ้านหากินตามตะเข็บชายแดน ไม่ควรเข้าไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของสองประเทศให้มีปัญหา เพราะทุกวันนี้ไทย ส่งทุเรียนเข้าไปในกัมพูชา และมาเลเซีย ถ้าเขาจับทุเรียนไทยบ้างจะเกิดปัญหาตามมา.

...