พระคเณศ สุจิณโณ หรือ เค ร้อยล้าน กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกโซเชียล เมื่อมีการวิจารณ์ถึงความเหมาะสมที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ให้ขึ้นไปบรรยายในโครงการค่ายพุทธบุตร วิจารณ์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม จนพระหัวหน้าวิทยากรออกหนังสือชี้แจง ล่าสุด มีการโพสต์เอกสารแจ้งความพระหัวหน้าวิทยากร เรื่องใส่ร้ายข้อความอันเป็นเท็จ จึงออกมาชี้แจงถึงการโพสต์ข้อความของพระเค และเตรียมพิจารณาการกระทำผิดตามวินัยสงฆ์

พระมหาประทีป ฐานยุตฺโต หัวหน้าพระวิทยากรงานดังกล่าว จำวัดที่พักสงฆ์ขันติพโลประวาสุข จ.สุรินทร์ เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า เบื้องต้นพระอาจารย์ได้ออกหนังสือชี้แจงไปทางโรงเรียน โดยเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนการที่พระเค ไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก แจ้งความพระอาจารย์ในข้อหาหมิ่นประมาท ถือเป็นเรื่องส่วนตัวในความเห็นต่างของท่าน แต่สำหรับพระอาจารย์ฐานะหัวหน้าทีมวิทยากร ได้เห็นว่าหลายหน่วยงานยังไม่ทราบข้อเท็จจริง จึงได้ออกหนังสือชี้แจงไปในเบื้องต้น

โดยข้อเท็จจริง ทีมวิทยากรที่จะบรรยายงานดังกล่าวมี 5 รูป แต่พระเคมากับพระครูใบฎีกา ฐิติพันธ์ อิสสรธมโม รองหัวหน้าพระวิทยากร ซึ่งจำวัดแห่งเดียวกัน โดยวันดังกล่าวเห็นว่าพระเคว่าง เลยชวนมาบรรยายด้วยกัน การมาบรรยายครั้งนี้ พระแต่ละรูปมาพบกันที่โรงเรียน อาตมาเลยไม่ทราบมาก่อนว่า พระบางรูปเป็นใครมาอย่างไร

...

“ตอนลงตารางบรรยาย มีการใส่ชื่อพระเคเข้าไป ตอนแรกเห็นก็ยังสงสัย เพราะเดิมบอกมี 5 รูป แต่ทำไมเพิ่มมาเป็น 6 รูป อาตมาไม่เคยทราบมาก่อน ถึงพฤติกรรมก่อนมาบวชของท่าน การอบรมมี 2 วัน คือ 15-16 มิ.ย. โดยพระเคบรรยายในวันที่ 2 ช่วงบ่าย นอกนั้นท่านจะช่วยดูแลการจัดแถวของนักเรียน”

ช่วงที่พระเคบรรยาย มีการใช้ไฟเลเซอร์ฉายส่องไปที่เด็ก หากนั่งไม่ตรงแถวหรือไม่เรียบร้อย เป็นเหมือนการสะกิดให้เด็กรู้ตัว แต่ที่ผ่านมาการบรรยายไม่เคยใช้เลเซอร์มาก่อน อาตมาก็เคยเห็นมีการนำมาใช้ครั้งนี้ครั้งแรก กรณีที่มีเด็กร้องเรียนว่าแสงเลเซอร์เข้าตา อาตมายังสังเกตเห็นไม่ชัด แต่อาจมีบ้าง ส่วนกรณีที่ระบุว่า มีเสียงนักเรียนโห่ร้องไม่พอใจ เป็นกรณีที่เด็กจัดแถวไม่เรียบร้อย พระเคก็สั่งให้เด็กนักเรียนโห่ร้อง เพื่อให้จัดแถวเร็วๆ พระอาจารย์ก็นั่งอยู่ในที่ประชุม ยังตกใจว่าพระเคไม่ควรสั่งให้เด็กโห่ร้อง ตลอดการสอนพระเคจะมีเสียงดัง จนเด็กหลายคนมองว่าเป็นการตะคอก ทำให้นักเรียนบางคนรู้สึกกลัว

“การฟ้องร้องของพระเคต่อพระอาจารย์ ไม่ได้มีความกังวล อาตมาก็ชี้แจงตามความจริง เพื่อให้ผู้ปกครองและครูที่กำลังถูกตำหนิว่าไปจัดคนแบบนี้มาอบรมได้อย่างไร ได้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงมากขึ้น และเพื่อให้ทราบว่าท่านผู้อำนวยการโรงเรียน รวมถึงครูที่เชิญไปก็ไม่ได้ทราบ อาตมาเองก็เพิ่งมาทราบพร้อมกัน เมื่อมาถึงโรงเรียน ที่สำคัญพระอาจารย์ไม่รู้ประวัติมาก่อน ตอนแรกนึกว่าพระใหม่ มาขอบรรยายเพื่อหาประสบการณ์ ถ้ารู้ประวัติมาก่อน จะสั่งให้ระงับการบรรยาย”

อาตมาน้อมรับคำตำหนิ ที่สังคมมองว่าทำไมเป็นหัวหน้าวิทยากร และไม่ทราบประวัติพระที่จะบรรยายมาก่อน ซึ่งอาตมาไม่ได้ติดตามข่าวการเมืองสักเท่าไร ตอนเจอพระเคที่โรงเรียนยังเห็นความประพฤติท่านเรียบร้อย เลยไม่ได้รู้สึกผิดปกติถึงพฤติกรรมรุนแรง

พระมหาประทีป ฐานยุตฺโต หัวหน้าพระวิทยากร
พระมหาประทีป ฐานยุตฺโต หัวหน้าพระวิทยากร

“อยากฝากบอกพระเคว่า การกระทำผิดก่อนมาบวช ถือเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ถ้าปัจจุบันตั้งใจประพฤติดี เพราะพระไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ควรปฏิบัติธรรมอย่างสงบ การไปแจ้งความเอาผิดกับอาตมา ถือเป็นความคิดส่วนตัวของท่าน ทั้งที่เอกสารชี้แจงของอาตมาถือเป็นข้อเท็จจริง ประกอบกับการไปโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก ทำให้ครูบาอาจารย์เสื่อมเสีย เช่น การไปโพสต์ว่า เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้มอบหมายให้ท่านมาบรรยายที่โรงเรียนนั้น ถือว่าไม่เป็นความจริง ทั้งที่ความจริงท่านมากับพระวิทยากรอีกรูป โดยท่านเจ้าคณะจังหวัดไม่ทราบมาก่อน”

...

ขณะนี้ได้คุยกับพระพี่เลี้ยงที่พาพระเคมา ก็เริ่มบอกว่าคุมพระเคไม่ได้ โดยข้อความที่ท่านนำไปโพสต์บนโลกโซเชียล บางเรื่องไม่เป็นความจริง จึงสั่งให้ท่านลบ ก็ไม่ลบออก ดังนั้น สิ่งที่ไม่เป็นความจริง ก็ไม่อยากให้ไปเปิดเผยทำให้ประชาชนเข้าใจคณะสงฆ์คลาดเคลื่อน

เบื้องต้นคณะสงฆ์เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยเฉพาะข้อความที่ไม่เป็นจริง พระชั้นผู้ใหญ่จะมีกระบวนการลงโทษ เบื้องต้นอาจว่ากล่าวตักเตือน หากไม่แก้ไขก็ถึงขั้นสึกได้ เพราะทำให้ชาวโลกติเตียน

“พระอาจารย์อยากบอกกับสังคมว่า ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล องคุลิมาล ที่เคยกระทำไม่ดี เมื่อมาบวชก็สามารถบรรลุธรรมได้ อย่างพระเค หากทำปัจจุบันให้ดี ประพฤติดีทั้งกายและใจ ก็สามารถเข้าถึงธรรมได้ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น อาจมาจากมุมมองของแต่ละคน”.