ความคืบหน้าการนำพลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยที่ส่งไปเป็นทูตสันถวไมตรี ที่ศรีลังกา เมื่อ 22 ปีก่อน ถูกใช้งานจนขาหน้าบาดเจ็บ มีกำหนดขนย้ายกลับไทย 1 ก.ค. นี้ แต่ล่าสุด กลับไม่มีชื่อ ควาญพงษ์ หรือ "ทองสุก มะลิงาม" ควาญที่เดินทางไปดูแลช้างถึง 6 เดือน จนผูกพัน และสั่งการเป็นภาษาไทยได้ โดยได้เปิดเผยความรู้สึกว่าเสียดาย เพราะเตรียมอุปกรณ์การขนย้ายช้างทางเครื่องบินไว้แล้ว

เบื้องต้น กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ฐานะผู้ติดตาม ประสานการนำช้างกลับไทย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความคืบหน้าการต่อกรง ที่นำพลายศักดิ์สุรินทร์ ขนย้ายทางเครื่องบินกลับประเทศไทยว่า ขณะนี้การก่อสร้างกรงขึ้นเครื่องบินเสร็จไปประมาณ 70% น่าจะเสร็จสมบูรณ์ประมาณวันที่ 10 มิ.ย. จากนั้นจะขนย้ายไปในที่ทำการฝึกซ้อม ให้เขาคุ้นชินสำหรับการเดินทางวันที่ 1 ก.ค.

สำหรับการขนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่มีขนาดใหญ่และงายาว ทางเครื่องบิน สิ่งสำคัญคือการฝึกให้ช้างเดินเข้ากรง และต้องใช้ควาญที่มีประสบการณ์คุ้นเคยกับช้าง สำหรับควาญพงษ์ หรือทองสุก มะลิงาม ก่อนหน้านี้เดินทางไปดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ ที่ศรีลังกาถึง 6 เดือน ก่อนเดินทางกลับมาไทย เพื่อรอให้ช้างหายตกมัน แต่ไม่มีชื่อในทีมงานขนย้ายช้างครั้งนี้

ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง ควาญพงษ์ หรือ ทองสุก มะลิงาม เปิดเผยว่า ตนเองรู้สึกเสียดาย เพราะมีความผูกพันกับพลายศักดิ์สุรินทร์ เห็นมาตั้งแต่เล็ก เพราะเป็นช้างที่ครอบครัวดูแล ก่อนส่งไปที่ศรีลังกา โดย 6 เดือนที่อยู่ด้วยกัน ได้ทำความคุ้นเคย และสั่งการเป็นภาษาไทย ซึ่งช้างก็ตอบรับตามคำสั่งเป็นอย่างดี

...

“ตอนแรกทางหน่วยงานภาครัฐ ให้เดินทางไปศรีลังกา วันที่ 6 มิ.ย. ผมเตรียมตัวทุกอย่างไว้แล้ว แต่ขอเพียงหนังสือขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐส่งให้หัวหน้าผม แต่กลับไม่มีหนังสือส่งมา เลยไม่สามารถไปได้ และมีข่าวว่าใช้ควาญจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ในการพาช้างขึ้นเครื่องกลับมา”

ส่วนตัวผูกพันกับพลายศักดิ์สุรินทร์ เลยมีความตั้งใจว่าถึงอย่างไร จะพากลับประเทศไทยให้ได้ อุปนิสัยของพลายศักดิ์สุรินทร์ ก่อนตกมันเริ่มมีพฤติกรรมดุร้าย เช่น ใช้งวงดึงคนให้ล้ม แล้วใช้ขากระทืบ แต่ไม่ใช้งาแทงเหมือนช้างทั่วไป โชคดีที่ช่วยควาญชาวศรีลังกาได้ทัน ดังนั้นพฤติกรรมการทำร้ายแบบนี้อันตรายกว่าการใช้งาแทงควาญมาก

สิ่งสำคัญที่ควาญต้องรู้ในการขนย้ายคือ ต้องศึกษาพฤติกรรมของช้าง และอุปนิสัยการทำร้ายเหยื่อ แต่ในอีกมุมหนึ่งถ้าควาญรู้ใจช้าง มีความคุ้นเคยและสั่งการช้างได้ จะช่วยให้เกิดการขนย้ายที่ปลอดภัย เพราะจากประสบการณ์การขนย้ายช้างทางเครื่องบิน ช่วงที่น่าห่วงที่สุด คือการใช้สลิงดึงกรงช้างขึ้นเครื่อง ทำให้ช้างตกใจ และกรงโยกตามแรงเหวี่ยงของช้างได้

ระหว่างขนย้าย ควาญต้องนั่งห่างจากกรง ใส่อาหารไว้ในกรง เพื่อให้ช้างกิน แต่คอยดูพฤติกรรมช้างอยู่ห่างๆ ขณะเดียวกันพฤติกรรมของพลายศักดิ์สุรินทร์ ไม่ใช่ช้างที่ตื่นตกใจง่าย จึงไม่จำเป็นต้องฉีดยาซึมให้ช้างในระหว่างขนย้าย เพราะเป็นช้างบ้านคุ้นเคยกับคน ไม่เหมือนช้างป่า

ที่ผ่านมาตอนอยู่กับช้าง 6 เดือน ที่ศรีลังกา ผมได้ทำอุปกรณ์การขนย้ายช้าง เก็บไว้ในตู้ภายในโรงเก็บช้าง โดยมีตัวหุ้มงา ไม่ให้ช้างใช้งางัดกรงระหว่างขึ้นเครื่องจนงาหัก และทำเชือกในการดึงช้างเข้ากรงไว้แล้ว จากประสบการณ์ขนย้ายช้างทางเครื่องบิน ทำให้รู้ว่าต้องทำอุปกรณ์อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้ช้างบาดเจ็บ

...

“หลังจากนี้ถ้าหน่วยงานรัฐมีหนังสือมาถึงเจ้านายผม เพื่อให้ไปช่วยขนย้าย ผมพร้อมจะเดินทางไป แม้บางคนมองผมว่า สู้อดทนดูแลช้างในศรีลังกามาตั้ง 6 เดือน ดูแลมาตั้งแต่ตอนตกมันแสนอันตราย แต่สุดท้ายไม่ได้ไปรับพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมา สิ่งที่ทำมาตลอด 6 เดือน ก็แทบไม่มีความหมาย ทั้งที่ผมพยายามมาตลอดในการฝึกช้างให้คุ้นเคย ซึ่งสิ่งที่ยากต่อจากนี้คือ การฝึกช้างให้เข้ากรง ควรฝึกไม่ต่ำกว่า 3–4 วัน โดยต้องนำอาหารวางไว้ในกรง ปล่อยให้ช้างอยู่ตรงหน้ากรง และปล่อยให้ช้างเดินเข้าไปเองก่อนในวันแรกๆ หลังจากนั้นค่อยออกคำสั่งให้ช้างเดินเข้าไปในกรง”.