หญิงข้ามเพศ ยึดอาชีพค้าบริการใน จ.ชลบุรี เปิดเผยชีวิตมุมอับ ถูกเจ้าหน้าที่ให้จ่ายค่าปรับบ่อยครั้ง มีรายได้ไม่เพียงพอ จนถูกลูกค้าล่วงละเมิด ทุบตีหลายครั้ง แต่ด้วยกฎหมายไม่คุ้มครองอาชีพขายบริการ ทำให้พวกเธอต้องอยู่กันแบบหลบซ่อน เข้าไม่ถึงยาเพร็พ (PrEP) ยาป้องกัน HIV จึงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการจ่ายยาใหม่
แอน (นามสมมติ) หญิงข้ามเพศ ที่ยึดอาชีพขายบริการในพื้นที่ จ.ชลบุรี เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ว่า สถานการณ์หญิงข้ามเพศที่ขายบริการ ขณะนี้เริ่มกลับมากว่า 80% เนื่องจากสถานประกอบการหลายแห่งต้องปิดตัวลงช่วงการแพร่ระบาดโควิด ทำให้คนที่ทำอาชีพนี้ ต้องหันไปทำอาชีพอื่น หรือกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด ประกอบกับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวลดลง
ส่วนตัวการหาลูกค้า มาจากการเจอกันในบาร์ พอเริ่มถูกใจจะนัดไปเจอกันข้างนอก ขณะนี้รายได้จากการขายบริการแทบไม่พอใช้ในแต่ละเดือน เพราะต้องมีค่าใช้จ่ายในครอบครัว และค่าครองชีพในแต่ละเดือนค่อนข้างมาก

“การรับแขกแต่ละครั้งมีรายได้ประมาณ 2,000 บาท แต่เป็นรายได้ที่ไม่แน่นอน เนื่องจากขึ้นอยู่กับลูกค้า ถ้าหากวันนั้นเจอคนดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีก็อาจจะถูกทำร้าย หรือไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้ ประกอบกับตอนนี้มีคู่แข่งที่เข้ามาทำอาชีพนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะชาวต่างด้าว ที่เป็นหญิงข้ามเพศ หันมาประกอบอาชีพค้าบริการเพิ่มขึ้นมาก”
...
ถ้ามองถึงรายจ่ายส่วนตัวต่อเดือนประมาณสองหมื่นบาท ต้องจ่ายค่าเช่าห้องประมาณแปดพันบาท ค่าแต่งหน้าทำผมก่อนออกไปทำงาน และค่ากินใช้รายวัน ทำให้มีรายได้ในแต่ละเดือนไม่เพียงพอที่จะเก็บออม ประกอบกับการแข่งขันในปัจจุบันมีองค์ประกอบจากเพื่อนร่วมงาน และยังมีบรรดาฟรีแลนซ์นอกบาร์ ที่พร้อมจะแข่งขัน เพื่อแย่งลูกค้า เลยทำให้รายได้ของสาวข้ามเพศที่มาค้าบริการในแต่ละเดือน มีรายได้ไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจุบันคนที่มาประกอบอาชีพนี้มีมากกว่าคนที่มาซื้อบริการ

ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับการตรวจจับของตำรวจ เนื่องจากอาชีพขายบริการยังไม่ถูกกฎหมาย เช่น บางครั้งเดินไปร้านค้าเพื่อซื้อของก็ถูกตำรวจขอดูบัตรประชาชน แล้วถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดโดยเตร็ดเตร่เพื่อการค้าประเวณี แต่จริงๆ แล้วกฎหมายนี้ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่น้องบางคนยังไม่รู้ ทำให้ต้องจ่ายค่าปรับไปตามที่เจ้าหน้าที่ร้องขอ ซึ่งถ้าคนที่รู้กฎหมายแล้วเถียง เจ้าหน้าที่จะปล่อยตัวไป
“ค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับตำรวจ เมื่อก่อนอยู่ที่ครั้งละ 100–500 บาท แต่ตอนนี้ปรับขึ้นมาเป็นครั้งละ 1,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่มีการเดินตรวจจับทุกวัน เลยทำให้คนที่ทำอาชีพนี้ต้องคอยหลบซ่อน ซึ่งตัวเอง เมื่อเห็นตำรวจก็ต้องแอบ เพื่อให้รอดจากการเสียค่าปรับ แต่น้องบางคนที่ชอบเดินไปซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ จะถูกจับอยู่เป็นประจำ”
อยากให้หน่วยงานภาครัฐวางมาตรการคุ้มครองคนที่ขายบริการให้เป็นเหมือนกับผู้ที่ประกอบอาชีพอื่น และยกเลิกกฎหมายการค้าประเวณี เพราะหลายครั้งที่ไปกับลูกค้าแล้วถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่สามารถแจ้งความเอาผิดได้ เพราะถูกลูกค้าแจ้งความกลับฐานค้าประเวณี เลยทำให้หลายครั้งไม่อยากไปแจ้งความ โดยเฉพาะน้องที่เป็นชาวต่างด้าว เข้ามาค้าบริการ พอถูกทำร้ายก็มักไม่ไปแจ้งความ เนื่องจากกลัวความผิด จนอาจถูกส่งกลับประเทศ
สาวข้ามเพศชาวต่างชาติ เช่น ลาว กัมพูชา ที่เข้ามาค้าบริการ ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการดูแล เมื่อถูกทำร้ายก็ต้องดูแลรักษาตัวเอง ซึ่งถ้ามองกลับมาที่คนไทยที่มาค้าบริการ ต้องเจอกับการถูกล่วงละเมิดจากลูกค้า การตีตราอยู่เป็นประจำ และถ้ายิ่งเป็นคนต่างด้าวจะถูกกระทำมากกว่าคนไทยอีกเท่าตัว

สิ่งที่อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือคือ การเข้าถึงยาเพร็พ (PrEP) ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนนี้มีการบัญญัติผู้ที่จะรับยาไว้หลายขั้นตอน ทำให้สาวสองที่เป็นผู้ค้าบริการเข้าถึงยาก เพราะต้องยอมรับว่าผู้ค้าบริการบางคนจะถูกแขกล่วงละเมิด โดยไม่ยอมใส่ถุงยางอนามัย
...
ยาเพร็พ (PrEP) เป็นยาป้องกัน HIV กรณีที่ถุงยางอนามัยแตก หรือฉีกขาด ในสภาวะที่เราไม่รู้ว่าคู่ร่วมรักมีเชื้อหรือไม่ ต้องกินยาเพื่อป้องกัน ซึ่งการไปรับยาที่โรงพยาบาลต้องใช้เวลานานกว่า 3 วัน โดยวันแรกไปตรวจเลือด วันต่อมาไปฟังผลเลือด และกว่าจะได้รับยาก็วันที่สาม จึงอยากให้มีการจ่ายยาประเภทนี้ที่ศูนย์สุขภาพชุมชน เพื่อให้เข้าถึงง่าย และไม่เสียเวลา ค่าใช้จ่ายในการรอรับยา
“อยากให้บุคลากรทางการแพทย์ทำความเข้าใจใหม่ว่า ยาเพร็พ (PrEP) เป็นยาป้องกัน HIV ไม่ใช่ยารักษาอย่างที่เข้าใจ ซึ่งยาประเภทนี้สามารถเลิกกิน เมื่อไม่มีภาวะความเสี่ยง จึงเป็นยาคนละชนิดกับยาต้านไวรัส HIV ที่ต้องกินเป็นประจำ”
ผู้ค้าบริการส่วนใหญ่ เรียกร้องอยากให้สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ เพราะทุกวันนี้หลายคนเมื่อเจ็บป่วยก็ต้องรักษาตัวเอง ไม่มีสิทธิในการดูแลสุขภาพเหมือนอาชีพอื่น เลยอยากฝากถึงรัฐบาลใหม่ ให้คนเหล่านี้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้มากขึ้น.