โควตา "ประธานสภา" กลายเป็นรอยร้าวระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยังไม่รวมตัวแปรอื่นๆ อาจส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลผสมจากเสียงข้างมาก เพราะต่างฝ่ายต่างออกมาตอบโต้เรื่องความเหมาะสมในการนั่งเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ โดยพรรคก้าวไกลให้เหตุผลต้องการอำนาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงรัฐสภาไทย ให้สามารถออกกฎหมายตามที่หาเสียงและตามที่ประชาชนได้เสนอมา

ขณะที่พรรคเพื่อไทยกลับมองว่าพรรคก้าวไกลแม้ได้เสียงข้างมาก แต่เสียงในสภาได้ไม่เกินครึ่ง ไม่ควรกินรวบทุกตำแหน่ง และโควตาประธานสภา ไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคเสียงข้างมากเสมอไป จะต้องพิจารณาคนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา พร้อมยกตัวอย่างกรณีชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง 2562 แต่ได้นั่งเก้าอี้ประธานสภา

รอยร้าวที่เกิดขึ้นระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล กับปรากฏการณ์ "เพื่อนถีบหน้า คอยแทงข้างหลัง" จนพรรคเพื่อไทย ทนไม่ไหวถอนตัวจากการจัดตั้งรัฐบาล และยิ่งขณะนี้มีกระแสข่าวหนาหูอาจเป็นเกมซ่อนเกม เพราะพรรคพลังประชารัฐ เตรียมจะสลายไปรวมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาล หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองคาดไม่ถึง ทำให้พรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
หัวหน้าพรรคก้าวไกลกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

...

จุดหักเห "เพื่อไทย" บอกลา ถีบ "ก้าวไกล" ตกขบวน

หรือสัมพันธ์พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย แค่ฉาบฉวยไม่ใช่มิตรแท้จะร่วมลงเรือลำเดียวกัน เหมือนเมื่อครั้งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน กับปริศนาประโยคเด็ดจากคนพรรคเพื่อไทย "บางครั้งสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีกว่าคน" หมายถึงอะไร? และความขัดแย้งในเรื่องตำแหน่งประธานสภา อาจเป็นเหมือนแก้วร้าวที่ยากจะประสานก็ได้ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต มองว่า เรื่องตำแหน่งประธานสภาน่าจะเป็นจุดหักเห นำไปสู่การปรับท่าทีของพรรคเพื่อไทยในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล และในอนาคตยังมีเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญๆ

หากมองไกลไปอีกจะเป็นเรื่องการตั้งประธานกรรมาธิการ หากการพูดคุยไม่สะเด็ดน้ำตั้งแต่ต้น จะทำให้การเซ็น MOU ของ 8 พรรคร่วมรัฐบาล ในการจะโหวตนายกรัฐมนตรี จะไปไม่ถึงฝั่ง และวันนี้กลุ่มการเมืองระดับผู้นำ มีการจับมือเจรจาพูดคุยกันตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งอย่างที่เคยบอกมาตลอด ซึ่งการเมืองไทยไม่ได้เล่นแบบให้คนชมวันต่อวัน แต่ได้เล่นไปไกลแล้ว ทำให้การร่วมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย อาจจะพลิกผันไปร่วมกับพรรคอื่น ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และพรรคเล็กๆ น้อยๆ รวมกันประมาณ 290 กว่าเสียง ก็สามารถเป็นรัฐบาลได้

อีกทั้งตำแหน่งประธานสภา ของพรรคก้าวไกล จะเป็นคนนอกพรรคก็ไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องรอจังหวะ รอโอกาสที่เหมาะสม หากจะออกตัวมากก็ไม่ได้ จะต้องหาเหตุผล เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพรรคเพื่อไทยจะอยู่ไม่ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงยังมีอะไรอยู่เบื้องหลังในการชิงอำนาจทางการเมืองในการเดินหน้าเพื่อเป็นรัฐบาล เมื่อยิ่งใกล้รับรองผลเลือกตั้งจากกกต. จะเป็นประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชัดมากยิ่งขึ้น และหลังการรับรองผลเลือกตั้งคิดว่าพรรคก้าวไกลจะตกขบวนอย่างแน่นอน 100%

8 พรรค เซ็น MOU ชื่นมื่น ร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่
8 พรรค เซ็น MOU ชื่นมื่น ร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

“ตำแหน่งประธานสภามีความสำคัญ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างก้าวไกล กับเพื่อไทย เป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งพรรคอันดับ 1 ต้องได้โควตาประธานสภาแต่ครั้งนี้มีคณิตศาสตร์การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะคะแนนก้าวไกลห่างจากเพื่อไทยไม่มาก จนมีโอกาสให้ต่อรอง และอย่างที่เคยบอกเพื่อไทย ได้เปรียบทางการเมือง เล่นเกมการเมืองเป็น มีการวางหมากจากการพูดคุย คิดว่าคงไม่ผิดพลาด ผิดโผ เพราะนักการเมืองคุยกันก่อนแล้ว”

ส่วนประโยค "เพื่อนถีบหน้า คอยแทงข้างหลัง" จากกลุ่มของทักษิณ ชินวัตร เหมือนเป็นการสื่อนัยทางการเมืองให้เกรงใจกันบ้าง แต่ด้วยตัวเลขที่นั่ง ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ไม่ขาดเหมือนยุคพรรคไทยรักไทย กวาดที่นั่งได้ 377 เสียง ทำให้ต้องพึ่งพาอาศัยพรรคการเมืองให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ก็จะมีโอกาสพลิกผัน อาจทำให้พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล และหากไม่สามารถสร้างสมดุลทางการเมืองตั้งแต่ตำแหน่งประธานสภาจนมาถึงเรื่องโควตารัฐมนตรีกระทรวงสำคัญ และประธานกรรมาธิการ จะทำให้เกิดปัญหาอีกยาว

...

ตำแหน่งประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคใด? ระหว่างเพื่อไทยหรือก้าวไกล
ตำแหน่งประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคใด? ระหว่างเพื่อไทยหรือก้าวไกล

สัญญาณตีตัวออกห่าง แก้วเริ่มร้าวพร้อมจะแตก

ปัญหาความขัดแย้งไม่ลงตัวทำให้โอกาสพรรคพลังประชารัฐ จะรวมกับพรรคเพื่อไทย ก็เป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะก่อนหน้านั้นคนของพรรคพลังประชารัฐ ได้ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย และการที่พรรคพลังประชารัฐ จะอยู่ได้หรือไม่ต้องมีต้นทุนทางการเมือง หากไม่มีการสนับสนุนจะทำให้สมาชิกพรรคอยู่ยาก มีโอกาสจะพลิกไปรวมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจัดตั้งรัฐบาล จากความไม่ลงตัวในตำแหน่งต่างๆระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะตำแหน่งประธานสภา และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย ไม่เป็นรองในเกมการเมืองอย่างแน่นอน

“ถามว่าเพื่อไทยคิดหรือไม่ ถ้าก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ยกเว้นจากอุบัติเหตุทางการเมือง จะเป็นจุดที่เพื่อไทยคิด แต่เมื่อเกิดความไม่ลงตัวเรื่องตำแหน่งต่างๆ เหมือนแก้วเริ่มร้าวพร้อมจะแตก และการที่ก้าวไกลบอกว่าตำแหน่งประธานสภาเป็นของพรรคตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจกัน เป็นความคิดของก้าวไกลจะทำกฎหมายก้าวหน้า ซึ่งประธานสภาคนก่อนทำไม่ได้ แต่เพื่อไทยคิดว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ก็ได้เตรียมการไว้อยู่ ขณะเดียวกันตอนนี้ได้มีคนของเพื่อไทยทยอยออกมาติงเรื่องตำแหน่งประธานสภา นี่คือสัญญาณการตีตัวออกห่าง พร้อมจัดตั้งรัฐบาล ไม่สนใจว่าจะไม่มีเสียงสนับสนุนหรือไม่ แต่คิดว่าจะมีการพูดคุยภายหลังรับรองผลเลือกตั้ง ขอให้ติดตามดู”

...

เพราะฉะนั้นแล้วพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังเป็นเพียงว่าที่นายกรัฐมนตรี และต้องขอย้ำอีกครั้ง ไม่ควรออกไปเจรจากับหลายๆ องค์กรหรือกับใคร เพราะการเมืองไทยไม่มีความแน่นอน หากยอมครั้งแรก และต่อไปก็ต้องยอมอีก คงไม่ใช่สำหรับพรรคเพื่อไทย จะไม่ยอมแล้ว ในขณะที่เชื้อไฟกำลังเริ่มจุดใกล้มีเปลวไฟ พร้อมจะลุกไหม้เป็นไฟลุกโชนในอีกไม่ช้า หรือเผลอๆ อาจจะก่อนรับรองผลเลือกตั้งก็ได้.