6 คดีอุกฉกรรจ์ นายณัฐพล วัย 40 ปี ผู้ก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.เด่นนภา หรือ อ้อม เซลส์ขายรถยนต์สาว วัย 35 ปี หายไปจากร้านกาแฟ ในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จนมีการพูดถึงโทษประหาร ในคนร้ายที่ก่อเหตุซ้ำ โดยเฉพาะคดีกระทำชำเรา เพื่อไม่ให้คนร้ายไปก่อเหตุซ้ำ

หากวิเคราะห์ถึงเบื้องลึกอาชญากร ที่ก่อคดีข่มขืนซ้ำ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุกระทำชำเราซ้ำ ควรมีการลงโทษเด็ดขาดมากกว่านี้ อาจถึงขั้นประหารชีวิต เพราะตอนนี้ประเทศไทยยังมีโทษนี้อยู่ แต่ส่วนใหญ่มีการลดหย่อนโทษ

“กรณีนายณัฐพล ถือเป็นพฤติกรรมการกระทำผิดซ้ำซากร้ายแรง ก่อนหน้านี้ก็ไปล่วงละเมิดทางเพศ จนตำรวจออกหมายจับ แสดงว่าการลงโทษ ไม่มีผลกับคนร้าย เพราะจากนั้นก็มาก่อเหตุกับอ้อม อีกกรณี นั่นแสดงว่าคนร้ายไม่สำนึกในการกระทำผิด”

...

พฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุซ้ำ มักเลือกเหยื่อที่อ่อนแอกว่า พอมีโอกาสจะทำร้ายเหยื่อ กรณีอ้อม คนร้ายมีการวางแผนมาก่อน เพื่อหลอกให้เธอไปในสถานที่ลับตาคนก่อนลงมือ แต่ปัจจุบันคนร้ายจะมีพฤติกรรมปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยคนร้ายหลายราย หลอกเหยื่อผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ หรือทักไปในโปรแกรมออนไลน์ เมื่อคุยกันจนเกิดความเชื่อใจ จะนัดเจอเหยื่อ ก่อนทำการหลอกล่อแล้วลงมือ

“คนร้ายที่ก่อเหตุส่วนใหญ่ เลือกเหยื่อจากโปรไฟล์ ที่มีลักษณะแต่งตัวดี และมีของมีค่า เมื่อนัดมาเจอแล้ว นอกจากจะกระทำชำเรา ยังหวังในทรัพย์สิน ดังนั้น การใช้โปรแกรมออนไลน์ต่างๆ จึงต้องระวัง ไม่ควรไว้ใจคนแปลกมากเกินไป หรือหากจะนัดเจอควรมีเพื่อนที่ไว้ใจไปด้วย เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้น”

พื้นฐานชีวิตของคนร้ายที่ก่อเหตุ ส่วนหนึ่งเคยถูกกระทำชำเรา หรือมีปัญหาในครอบครัว ก่อให้เกิดความกดดันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นจึงมีการแสดงพฤติกรรมความรุนแรงกับผู้อื่น แต่บางคนไม่มีปัญหาในวัยเด็ก เมื่อโตมากลับซึมซับพฤติกรรมที่ผิด จนทำให้เกิดพฤติกรรมต่อต้านสังคม เอาตัวเองเป็นใหญ่

กรณีนายณัฐพล มีรายงานว่ามีพฤติกรรมรุนแรงทางเพศ ด้วยการมัดมือเหยื่อ มีข้อความระบุถึงความรุนแรงภายในจิตใจที่เขียนไว้ในไดอารี่ ประกอบกับถ้าคนร้ายมีการเรียนรู้ความรุนแรงในพฤติกรรมทางเพศ จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้ไปก่อเหตุความรุนแรงต่อเหยื่อหลายราย

“แม้นายณัฐพล เคยถูกดำเนินคดีจนถูกคุมขังมาแล้ว แต่ด้วยปริมาณนักโทษจำนวนมาก อาจไม่สามารถขัดเกลาอุปนิสัยได้ทั่วถึง ดังนั้นหน่วยงานรัฐควรมีมาตรการในการควบคุมผู้กระทำผิดซ้ำลักษณะนี้ หรือมีการสร้างความร่วมมือกับชุมชน ในการแจ้ง หากผู้กระทำผิดมีแนวโน้มจะก่อเหตุซ้ำ เพื่อสร้างมาตรการป้องกันในสังคมก่อนจะก่อเหตุ”.