คดีแอม ไซยาไนด์ ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากการวางยาทำให้สาวก้อย เท้าแชร์วัย 32 ปี เสียชีวิต และล่าสุดผลชันสูตรศพสารวัตรปู อีกหนึ่งผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับแอม มีไซยาไนด์ในเลือดเช่นเดียวกัน ยังไม่รวมผู้เสียชีวิตอีกหลายรายที่ได้ตกเป็นเหยื่อของแอม อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คาดว่าตัวเลขอยู่ที่ 20 ศพ จากการถูกวางยา และน่าจะเป็นการฆ่าล้างหนี้
ความเหี้ยมโหดเกินมนุษย์ของ แอม ไซยาไนด์ ทำให้สื่อต่างประเทศหลายสำนักให้ความสนใจเกาะติดคดีสะเทือนขวัญช็อกโลกครั้งนี้ มีการวางแผนฆ่าคนด้วยการวางยาพิษอย่างเลือดเย็น เพื่อหวังทรัพย์สิน จนมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในไทยก็ว่าได้
หากเทียบกับปี 2555 เคยเกิดคดีฆาตกรเหี้ยม หนุ่มวัย 43 ปี ชาวสงขลา วางยาพิษเหยื่อ 9 ราย เพื่อชิงรถยนต์ไปขายในจังหวัดภาคใต้ ด้วยการวางแผนว่าจ้างให้ขับรถ ก่อนแอบใส่ยาพิษในเครื่องดื่ม จนเหยื่อหมดสติจึงนำร่างไปทิ้งตามป่า หรือในที่เปลี่ยว มีผู้เสียชีวิตรวม 6 ศพ และอีก 3 รายรอดชีวิต ส่วนผู้ก่อเหตุหลังถูกจับกุมได้ผูกคอตายในห้องขังโรงพักใน จ.ประจวบคีรีขันธ์
การวางยาพิษเหยื่อให้ตายไป ส่วนใหญ่เป็นการกระทำของฆาตกรผู้หญิง เพื่อหวังประโยชน์ในสิ่งหนึ่งสิ่งใด จากการระบุของผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา อาจเป็นวิธีที่ง่ายไม่ต้องใช้พละกำลังในการลงมือ ซึ่งแตกต่างกับฆาตกรผู้ชาย มักจะใช้ความรุนแรงที่มากกว่าในการทำร้ายเหยื่อ ทั้งการชิงทรัพย์ และละเมิดทางเพศ
...
คดีวางยาพิษ จากแรงแค้น-ความโลภ อยากได้ทรัพย์สิน
ปี 2559 เคยเกิดคดีฆาตกรรมวางยาพิษ “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” กลางกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เพราะแค้นที่ให้เลิกกับแฟนหนุ่ม จากการลงมือของ เจสซิกา กุมาลา วองโซ สาวไฮโซวัย 28 ปีในขณะนั้น ในความผิดฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ด้วยการใส่ไซยาไนด์ในกาแฟ ทำให้ วายัน มีร์นา ซาลิฮิน เพื่อนสาววัย 27 ปี ที่เคยเรียนในประเทศออสเตรเลียมาด้วยกัน ล้มฟุบลงด้วยอาการชักกระตุก เสียชีวิตภายในไม่กี่นาที และศาลได้ติดสินจำคุก 20 ปี
อีกคดีสะเทือนขวัญด้วยการใช้สารไซยาไนด์เป็นอาวุธสังหาร ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ จิซาโกะ คาเคฮิ หญิงชราวัย 76 ปี ฆาตกรต่อเนื่อง ฉายา “แม่ม่ายดำ” ถูกจับกุมเมื่อปี 2557 ยอมรับสารภาพต่อศาลในชั้นอุทธรณ์ ว่าเป็นผู้วางยาฆาตกรรมอดีตสามี 3 คน ในช่วงระหว่างปี 2550-2556 เพื่อเอาเงินประกันรวมกว่า 250 ล้านบาท และเมื่อกลางปี 2564 ศาลฎีกาได้ปฏิเสธการยื่นอุทธรณ์คัดค้านโทษประหารชีวิต ทำให้เธอไม่รอดจากการประหารชีวิตจากสิ่งที่กระทำลงไป
ย้อนไปในช่วงปี 2542-2550 หญิงชาวอินเดีย 6 ราย ในเขตชานเมืองของบังกาลอร์ เสียชีวิตในลักษณะคล้ายๆ กัน ร่างกายไร้ร่องรอยถูกทำร้าย หรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้ตำรวจต้องสืบสวนหาสาเหตุ นำไปสู่การจับกุม นางเค.ดี. เคมปามมะ คุณแม่ลูก 3 ฆาตกรต่อเนื่องหญิงคนแรกของอินเดีย อ้างตัวเป็นผู้ทำพิธีกรรมดับทุกข์ เข้าไปตีสนิทหลอกเหยื่อผู้หญิงให้ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ผสมไซยาไนด์ และรอให้เสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา ก่อนเอาทรัพย์สินมีค่าไป
ขณะที่ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีเหยื่อมากกว่านี้ เพราะมีคนสูญหายอีก 5 คน อาจเชื่อมโยงกับ นางเคมปามมะ ซึ่งในเวลาต่อมาได้ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2555 แต่ได้รับการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต
ความโหดร้ายอาจไม่เท่ากับ โมฮาน คูมาร์ ฆาตกรต่อเนื่องชายในอินเดีย อดีตครูประถมวัย 46 ปี ได้ล่อลวงหญิงสาวมาแต่งงาน และสัญญาจะมอบทรัพย์สมบัติให้ ก่อนหลอกให้กินยาที่ผสมไซยาไนด์ อ้างว่าเป็นยาคุม จนหญิงสาวในรัฐกรณาฏกะ เสียชีวิตมากถึง 20 ศพ ในช่วง 5-6 ปี ก่อนที่ คูมาร์ ถูกจับกุมได้ในปี 2552
...
กลางปี 2535 เกิดเหตุวางยาพิษนักศึกษา 800 คน ภายในวิทยาลัยการเงินในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน แต่โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต จากฝีมือของ หลี่หยุน นักศึกษาสาววัย 21 ปี ใส่สารหนู 700 กรัม ในแป้งทำบะหมี่ในโรงอาหาร อ้างว่าโกรธแค้นเพื่อนๆ รอบข้างรังเกียจเธอที่ถูกพักการเรียน 1 ปี หลังไปมีสัมพันธ์กับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว และเพราะกลัวเลือดเลยเลือกวิธีวางยาพิษ จากการวางแผนทำทีละขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการแอบสั่งซื้อสารพิษนำไปซ่อนใต้เตียง ก่อนนำไปใส่ในแป้งบะหมี่ จนเกือบเกิดเหตุโศกนาฏกรรม.