จีจี้ สุพิชชา เน็ตไอดอลชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในคอนโดฯ พร้อมแฟนหนุ่ม จากการตรวจสอบพบปืนก่อเหตุเป็นของบิดาแฟนหนุ่ม มีการตั้งข้อสังเกตถึงการนำอาวุธปืนมาใช้ และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยในกลุ่มอาชีพที่เข้าถึงปืนง่าย เช่น ทหาร ตำรวจ
มนตรี ตันใจซื่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า กรณีการเสียชีวิตของ จีจี้ สุพิชชา ไม่ใช่คดีแรก ที่มีคนในครอบครัวนำอาวุธปืนจากคนที่สามารถเข้าถึงปืนได้ง่าย อย่างอาชีพ ทหาร ตำรวจ มาก่อเหตุ ที่ผ่านมา ผู้ที่ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย เกี่ยวกับครอบครองอาวุธปืนผิดมือ
“การชอบอาวุธปืนเป็นเรื่องส่วนบุคคล ตามกฎหมายการครอบครองอาวุธปืนได้ต้องมีอายุ 20 ปี เหตุที่เกิดขึ้นถือว่าเข้าข่ายการกระทำผิด โดยตามกฎหมายผู้ที่แอบนำอาวุธปืนมาก่อเหตุ มีความผิด ส่วนเจ้าของปืนยังไม่มีกฎหมายเอาผิดได้”
ตอนนี้หลังจากเกิดเหตุหลายครั้ง ในการที่เจ้าหน้าที่ราชการสามารถครอบครองอาวุธปืนได้ นำไปก่อเหตุ หรือคนรอบข้างแอบนำมาใช้ เลยมีมาตรการเข้มงวด เช่น กรณีของทหาร ขณะนี้แทบจะซื้ออาวุธปืนส่วนตัวมาใช้เองไม่ได้ ทำให้ต้องใช้อาวุธปืนหลวงเพียงอย่างเดียว ด้านตำรวจ การซื้อปืนสวัสดิการเพื่อนำมาใช้ ก็ยากมากขึ้น
...
การนำอาวุธปืนมาก่อเหตุขึ้นอยู่กับตัวบุคคล กรณีที่มีคนในครอบครัวแอบนำมาก่อเหตุ ค่อนข้างควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะการมีบุคคลในครอบครัวมีภาวะทางอารมณ์รุนแรง ซึ่งหลายครั้งผู้ก่อเหตุ อาจไม่ใช้ปืนที่มีทะเบียนของคนในครอบครัว แต่จะไปหาปืนเถื่อนที่มีขายตามอินเทอร์เน็ตมาใช้แทน
“ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายควบคุมว่า เจ้าหน้าที่รัฐควรมีอาวุธปืนในครอบครองกี่กระบอก รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย เพราะคนที่มีวุฒิภาวะ แม้มีปืนหลายกระบอก ก็ไม่ได้นำไปก่อเหตุ แต่เน้นเพื่อการสะสม ต่างจากคนที่จะก่อเหตุ มีปืนแค่กระบอกเดียว ก็นำไปทำร้ายผู้อื่นได้ ดังนั้น การสร้างจิตสำนึกจึงเป็นเรื่องสำคัญ”
สำหรับครอบครัวที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง อยากให้ทำความเข้าใจกับเยาวชนในครอบครัวว่า ปืนมีความอันตรายอย่างไร เมื่อนำไปใช้มีโทษตามมาขนาดไหน หากเด็กมีอายุที่เหมาะสม อาจพาไปฝึกอบรมการยิงปืนอย่างถูกต้อง เพราะต่อให้เก็บปืน หรือซ่อนให้พ้นมือเด็กมากแค่ไหน แต่ความอยากรู้ของเด็กๆ ยิ่งกระตุ้นให้อยากค้นหา ซึ่งหลายครอบครัวพอปิดกั้น เด็กในบ้านก็นำไปใช้ในทางที่ผิด.