ปีนี้อากาศร้อนจัดอบอ้าว ปีหน้ายิ่งกว่า อุณภูมิโลกสูงขึ้น เอลนีโญ แรงยาวนาน

เข้าสู่เดือนเมษา เดือนที่อากาศร้อนมากสุดๆ และในปีนี้ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้เผยแพร่ภาพกราฟิกระบุว่าวันที่ 6 เม.ย. 2566 พื้นที่บางนา มีค่าดัชนีความร้อน 50.2 องศาเซลเซียส จนทำให้ผู้คนแตกตื่นตกใจ และคิดว่าจะเป็นไปได้หรือ? หากประเทศไทยร้อนสูงสุดขนาดนั้นจะอยู่กันอย่างไร

สรุปแล้วเป็นค่าดัชนีความร้อนเตือนผลกระทบต่อสุขภาพ อาจเกิดภาวะลมแดด หรือฮีตสโตรก หากอยู่กลางแจ้งอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ไม่ใช่อุณหภูมิความร้อนทุบสถิติร้อนที่สุดในประเทศไทยแต่อย่างใด และในอดีตพบว่า พื้นที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เคยร้อนที่สุด 44.6 องศาฯ มาแล้วเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2559 และประเทศไทยยังไม่เคยอากาศร้อนมากๆ เกิน 50 องศาฯ มาก่อน

ปรากฏการณ์เอลนีโญ แรงที่สุด ยาวนาน 4-5 ปี

การเตรียมพร้อมรับมืออากาศร้อนจัด ตามมาด้วยพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกันมาหลายวัน และเมื่อมวลอากาศเย็น หรือความกดอากาศสูงพัดมาปะทะกับมวลอากาศร้อน จะส่งผลให้อากาศแปรปรวนรุนแรงกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และเกิดลูกเห็บในบางพื้นที่ได้

“รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาเตือนว่า อากาศร้อนปี 2566 จะร้อนกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน หลังปรากฏการณ์ลานีญา ในช่วง 3-4 ปีติดต่อกันได้สิ้นสุดลงแล้ว และปี 2566 ไม่ได้ร้อนที่สุด แต่ปี 2567 จะร้อนมากกว่านี้ เพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ จะแรงที่สุดตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. ปี 2566 เป็นต้นไป

“ปีนี้ในช่วงเข้าหน้าฝนตั้งแต่เดือน พ.ค. ไปจนถึง ต.ค. จะเริ่มเห็นได้ชัด แม้ต้นเดือน พ.ค.จะพอมีฝนบ้าง แต่กลางเดือน พ.ค. จะไม่ค่อยมีฝน จะเกิดผลกระทบในเชิงการเกษตร เพราะไม่มีน้ำ หากยาวไปถึงเดือน ธ.ค. มีแนวโน้มจะยาวต่อไปอีกประมาณ 4-5 ปี หมายความว่าเอลนีโญ ยังค้างอยู่อีกนาน”

อุณหภูมิโลกสูงขึ้น เสี่ยงถึงจุดจบ ร้อนมาก แล้งนาน

อีกอย่างหนึ่งสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ยาวนานติดต่อกันมาก่อน จนเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาทางเลขาสหประชาชาติ ได้ออกมาเผยแพร่รายงานฉบับใหม่เรื่องภาวะโลกร้อน เตือนอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่สูงขึ้นจนมีความเสี่ยงจะถึงจุดจบ ซึ่งทั่วโลกจะได้รับผลกระทบรวมทั้งไทย หรือกรณีอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ จะโดนผลกระทบหนัก เพราะใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้อากาศร้อนหนักในปีนี้

กรณีค่าดัชนีความร้อนตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ทำออกมาเผยแพร่ว่าบางพื้นที่มีค่าดัชนี 50.2 องศาฯ ไม่ใช่อุณหภูมิความร้อน หากเป็นเช่นนั้นผู้คนจะอยู่กันไม่ได้ แต่ก็ได้ทำให้คนตื่นตระหนกตกใจ ทั้งที่ความจริงแล้วอุณหภูมิอยู่ที่ 38 องศาฯ และค่าดัชนีความร้อนต้องการเตือนผลกระทบต่อสุขภาพมีโอกาสจะเกิดภาวะฮีตสโตรก ส่วนอุณหภูมิสูงสุดแตะ 50 องศาฯ ในโลกนี้เคยเกิดขึ้นในประเทศอินเดีย หากติดต่อเกิน 5 วัน ก็เป็นอันตราย

ปรากฏการณ์เอลนีโญ นอกจากทำให้ปีนี้อากาศร้อนมากขึ้น ยังก่อให้เกิดภัยแล้งยาวนานไปถึงปีหน้า อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างมาก 1 องศาฯ ในปีหน้า และปีถัดไปอุณหภูมิจะสูงขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเมื่ออากาศร้อนอบอ้าวติดต่อกัน ก็จะเกิดพายุฤดูร้อน ทำให้ตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไปตลอดเดือน เม.ย. จะมีทั้งอากาศร้อนอบอ้าวและพายุฤดูร้อน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน และตะวันออก ให้ระวังพายุฤดูร้อน ซึ่งเป็นห่วงไม้ผลพวกทุเรียนในภาคตะวันออก จะหักโค่นได้รับความเสียหาย แต่เมื่อเกิดพายุฤดูร้อนก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่สามารถป้องกันหรือระวังได้.