หนทาง "ทักษิณ" กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน กล้าพอหรือไม่ มารับโทษ เข้าคุก

การป่าวประกาศจะกลับบ้านมาอยู่ประเทศไทย พร้อมหน้าพร้อมตากับลูกๆ หลานๆ ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกนับไม่ถ้วน จนดูเหมือนเป็นวาทกรรมไปเสียแล้ว นับตั้งแต่หนีหลายๆ คดี เป็นผลมาจากการรัฐประหาร ปี 2549 ใช้ชีวิตลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศมานานกว่า 17 ปี

ครั้งล่าสุดเอาอีกบอกกับสื่อญี่ปุ่น จะไม่ร้องขอนิรโทษกรรมแต่จะกลับมารับโทษจำคุกในไทย ไม่ว่าผลการเลือกตั้งเดือน พ.ค.จะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ก็เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากอย่างแน่นอน

น่าจะครบ 2 เดือนพอดีที่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของไทย ในวัย 73 ปี ประกาศจะกลับบ้านในปีนี้ ภายหลังเมื่อคืนวันที่ 24 ม.ค. 2566 เพิ่งบอกผ่านคลับเฮาส์ขณะอยู่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรืออาจมีดีลลับบางอย่าง ทำให้ยิ่งมั่นใจจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตในบั้นปลาย มาอยู่ในประเทศบ้านเกิดได้อย่างไร้ปัญหา และมาเลี้ยงหลานอย่างที่ตั้งใจไว้

แต่ถ้ากลับมารับโทษถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ จะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกมาอยู่กับลูกและเลี้ยงหลานได้และตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ปี 2549 จนถึงปี 2564 ทักษิณ ชินวัตร ถูกกล่าวหาในคดีความทั้งจากศาลและ ป.ป.ช. รวม 8 คดี เป็นคดีที่พิพากษาแล้ว 4 คดี ในคดีทุจริตหวยบนดิน คดีให้ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ ปล่อยกู้เงินแก่เมียนมา 4,000 ล้านบาท คดีหุ้นชินคอร์ปฯ และคดีที่ดินย่านรัชดาฯ รวมโทษจำคุก 12 ปี

ไม่รวมคดีที่ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอีก 2 คดี ในคดีระบายข้าวแบบจีทูจี สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทักษิณ ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง และคดีสั่งซื้อเครื่องบินแบบ A340-500 จำนวน 4 ลำ ระหว่างปี 2545-2547 และ โครงการจัดหาเครื่องบิน ปี 2554 จำนวน 75 ลำ ทำให้การบินไทยมีหนี้เพิ่มขึ้น

หนทางเดียว "ทักษิณ" จะกลับบ้านได้ มาดูแลหลาน

สรุปแล้วคนอย่างทักษิณ ตั้งใจจะกลับมารับโทษจริงหรือไม่? มาฟังจากปากของ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เคยบอกว่าเป็นเพียงวาทกรรมของทักษิณในช่วงใกล้เลือกตั้ง และเมื่อทักษิณ ประกาศจะกลับบ้านอีก ยังคงฟันธงเปรี้ยงเดียวเลยว่า ทักษิณไม่กลับมารับโทษอย่างแน่นอน และหนทางเดียวที่ทักษิณจะกลับบ้านได้ ต้องยอมรับเงื่อนไข ข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษเอาไว้ จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นคดีใดก็ตาม ซึ่งมีหลายคดี หรืออาจมีคดีใหม่อีก เป็นเงื่อนไขเดียวเท่านั้น ก็น่าจะทำให้ทักษิณ กลับบ้านมาเลี้ยงหลานได้

“บางคดีสามารถรื้อฟื้นมาใหม่ กรณีพบข้อเท็จจริง ก็สามารถขอพิจารณาอุทธรณ์ใหม่ ให้ทบทวนใหม่ก็ได้ คิดว่ากลุ่มของทักษิณ ต้องคิดเรื่องนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทักษิณ จะกลับมารับโทษ ยกเว้นกลับมาแล้วไม่ต้องรับโทษเลย คิดว่าทักษิณ ไม่ยอมรับที่จะกลับมารับโทษอย่างแน่นอน ทุกอย่างเป็นวาทกรรม และกระแสนิยมของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ก็ดีพอสมควร”

ขณะที่กลุ่มอนุรักษ์ ไม่ค่อยยอมรับการจะกลับมาของทักษิณ หรือแม้จะกลับมารับโทษ ก็ตาม หากจะกลับมารับโทษจริงๆ คงทำไปแล้วในช่วงไปอยู่ประเทศอังกฤษและกลับมาไทยเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2551 หลังพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่ทำต้องหนีคดีไปอยู่แดนไกลจนถึงปัจจุบัน

หรือแม้มีคนรักทักษิณ อยากให้กลับมาประเทศไทย แต่กลุ่มเสื้อแดงก็แตกไปคนละทิศละทาง ทำให้พลังเสื้อแดงลดถอยไปพอสมควร หรือโอกาสที่ทักษิณ จะกลับเข้ามา จากการที่พรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมาก ก็อาจสามารถทำได้ เพราะการเมืองกับกฎหมายเป็นแนวทางเดียวกัน แต่หากออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็จะทำให้รัฐประหารกลับมาอีก จะเกิดการเดินขบวนประท้วงบนท้องถนน

“จุดร่วมทางการเมือง ไม่ได้อยู่ที่ทักษิณกลับมาโดยไม่ต้องรับโทษ แต่ควรให้มารับโทษ จะได้เกิดสมดุล แต่ท้ายสุดแล้วทักษิณ จะไม่ยอมรับโทษ และการประกาศอยากกลับบ้าน ก็แค่เข้ามามีบทบาททางการเมืองในเชิงสัญลักษณ์ สร้างวาทกรรมทางการเมืองเท่านั้นในช่วงเลือกตั้ง”

"เพื่อไทยแลนด์สไลด์" วาทกรรมทักษิณ ไม่ขลังมากพอ

เมื่อมองความเป็นไปได้ที่พรรคเพื่อไทย จะแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งนี้คงยาก และถามว่าสาระของแลนด์สไลด์คืออะไร จะต้องได้ตัวเลขที่นั่ง ส.ส.เท่าใด ถึงจะเรียกว่าแลนด์สไลด์ หากย้อนไปในการเลือกตั้งปี 2548 ที่พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว นั่นคือแลนด์สไลด์ของจริง ไม่ใช่การสร้างกระแส เพื่อสร้างความนิยม และแลนด์สไลด์ ต้องได้คะแนนเสียงมากที่สุด 360 ที่นั่งขึ้นไป เกินกึ่งหนึ่งของ 700 เพราะต้องรวมเสียงของ ส.ว.ไปด้วย ในการโหวตนายกรัฐมนตรี

“ถามว่าเพื่อไทยจะได้ 360 ที่นั่งหรือไม่คงยาก เพราะมีตัวแบ่งจากพรรคก้าวไกล และเลือกตั้งครั้งนี้มีกลุ่มเยาวชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง 4 ล้านกว่าคน จะเป็นตัวแปรสำคัญ อาจลงคะแนนให้ก้าวไกล รวมถึงคนชนชั้นกลางหัวก้าวหน้า ดังนั้นการที่ทักษิณ ออกมาสร้างกระแสอาจช่วยได้ไม่มาก ทำให้แลนด์สไลด์ของเพื่อไทย เกิดขึ้นยาก ประเมินว่าน่าจะได้ 250 ที่นั่งขึ้นไป อาจเป็นไปได้ แต่ไม่เกิน 300 ที่นั่ง”

การเลือกตั้งปี 2548 แม้พรรคไทยรักไทย หรือพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน สามารถเจาะภาคอีสานได้ แต่เลือกตั้งครั้งนี้ในพื้นที่ภาคอีสาน เป็นของพรรคภูมิใจไทย แต่ขณะนี้ถูกดิสเครดิตเรื่องกัญชา ไม่บอกขอบเขตการใช้ประโยชน์ จนกลายเป็นข้อบกพร่อง อาจทำให้ที่นั่งในภาคอีสานหายไปพอสมควร แต่การเคลื่อนไหวของทักษิณ ประกาศว่าอยากกลับบ้านไม่น่าจะเป็นตัวช่วยพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง แต่จะสามารถสร้างระบบทุนได้ผ่านเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อีกคนของพรรคเพื่อไทย

ดีลลับที่ว่าคืออะไร เรื่องอนาคตหลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.

กรณีทักษิณ ประกาศกลับบ้านซ้ำๆ มองว่ายิ่งพูดนาน ยิ่งไม่ดี เหมือนแหกตาประชาชน หากจะกลับไทยจริงต้องบอกให้ชัดเจน อีกทั้งมีคนแอนตี้ทักษิณก็มี ดังนั้นความพยายามป่าวประกาศกับประชาชน จะต้องแยกประเด็นให้ชัด เพราะคนมีหลายระดับอาจทำให้บางคนเชื่อ แต่ท้ายสุดแล้วทักษิณ ไม่มีทางจะเข้าเรือนจำ ส่วนเรื่องดีลลับ เป็นการจุดกระแสในภาวะเข้าสู่เลือกตั้ง ต้องแยกกันไม่เกี่ยวกับเรื่องทักษิณกลับบ้าน

แต่น่าเป็นการจัดตั้งรัฐบาลมากกว่า เพื่อปูทางในอนาคต ประเมินว่าพรรคเพื่อไทย แม้จะได้เสียงข้างมาก แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพียงพรรคเดียว เหมือนพรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งในปี 2548 อาจต้องอาศัยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ช่วยเจรจากับพรรคภูมิใจไทย เข้ามาร่วมเป็นรัฐบาล ซึ่งการเมืองไทยจะเป็นอย่างไรต้องติดตามการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจต้องปิดฉากทางการเมืองไปก็ได้ หากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่เป็นไปตามเป้า.