การสูญหายของท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 นิ้ว จากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ ภายในนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ก่อนพบว่าได้ถูกหลอมไปแล้ว จนกลายเป็นฝุ่นเล็กปนเปื้อนกัมมันตรังสี สร้างความกังวลด้านสาธารณสุขและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง

ก่อนหน้านี้ในประเทศไทยเมื่อปี 2543 มีกรณีเครื่องฉายรังสีโคบอลต์-60 ที่ไม่ใช้แล้วถูกแยกชิ้นส่วนออกมา หรือแม้กระทั่งประเทศที่เจริญแล้วอย่างออสเตรเลีย เคยเกิดเหตุแคปซูลบรรจุซีเซียมหายเช่นกัน “ดร.ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว” ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ไม่ได้อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่อุบัติเหตุแบบนี้ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ จึงเป็นโอกาสที่เราจะเรียนรู้เรื่องนี้ เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ และการดูแลสุขภาพเมื่อมีความจำเป็น เนื่องจากซีเซียมจะแผ่รังสีหลักๆ คือ แกมมา และเบตา ดังนั้นการสัมผัสต้องรู้ว่าเราสัมผัสที่ตัวสารกัมมันตรังสี หรือสัมผัสรังสี ซึ่งมีผลจะต่างกัน

สัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 จะมีอาการอย่างไร

หากสัมผัสสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 อาการที่พบคือ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ถ่ายเหลว ผิวหนังบริเวณที่โดนรังสีจะเกิดแผลไหม้พุพอง ในกรณีสัมผัสปริมาณมาก ส่งผลกระทบต่อระบบเลือด กดไขกระดูก ระบบประสาท ชักเกร็ง และอาจเสียชีวิตได้ แต่หากได้รับหรือสัมผัสรังสี เป็นปริมาณสูงๆ ระยะเวลานาน มีโอกาสที่จะไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ได้ แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณและระยะเวลา ซึ่งยังไม่มีข้อมูลมากพอ

“แต่ถ้าสัมผัสบ่อยๆ ก็ไม่ดี ต้องมีระบบความปลอดภัยที่ตรวจสอบได้ อย่างเจ้าหน้าที่ ที่ใช้รังสีเอกซเรย์ ในการวินิจฉัยความเจ็บป่วย ก็ต้องมีเครื่องมือป้องกัน มีเครื่องวัดปริมาณรังสีติดตัว มีเครื่องตรวจวัดรังสีประจำห้อง และในระยะหลังมีงานวิจัยสมุนไพรที่ใช้ป้องกันรังสี อยู่พอสมควร เพราะเรานำรังสีต่างๆ มาใช้ในทางการแพทย์ ทางอุตสาหกรรม และมีโอกาสที่ประชาชน จะรับเอารังสีพวกนี้เข้าไปในร่างกายอยู่บ่อยๆ เป็นการศึกษาในเซลล์และสัตว์ทดลองเป็นส่วนใหญ่ แต่งานวิจัยในคนน้อยมากอาจเป็นเรื่องของจริยธรรม”

...

ท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ถูกหลอมไปแล้ว
ท่อบรรจุสารกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 ถูกหลอมไปแล้ว

วิตามินซีจากมะขามป้อม ช่วยป้องกันซีเซียม

ในเรื่องของการป้องกันซีเซียมนั้น มีงานวิจัยในหนู โดยใช้น้ำต้มมะขามป้อมที่มีวิตามินซี เทียบเท่าการบริโภคในคน 500 มิลลิกรัมต่อวัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้วิตามินซีสังเคราะห์ และกลุ่มที่ไม่ให้อะไรเลย ต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ก่อนที่หนูได้รับซีเซียมคลอไรด์ หรือเกลือของซีเซียม พบว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้อะไรเลย คือได้เพียงน้ำและอาหารปกติ มีความผิดปกติของโครโมโซมมากที่สุด

ส่วนหนูที่ได้สารสกัดน้ำมะขามป้อมมีโครโมโซมผิดปกติน้อยที่สุด รองลงมาคือวิตามินซีสังเคราะห์แต่ในทางสถิติของกลุ่มนี้ไม่ต่างกัน ซึ่งการวิจัยทำในปี 2535 พบว่าฤทธิ์มะขามป้อมช่วยต้านการทำให้โครโมโซมผิดปกติ มาจากวิตามินซี แต่ปัจจุบันพบว่าในมะขามป้อมมีสารอื่นๆ เช่น แทนนิน ฟลาโวนอยด์ ที่เป็นประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านก่อการกลายพันธุ์

สารสกัดจากมะขามป้อมมีฤทธิ์ป้องกันรังสี
สารสกัดจากมะขามป้อมมีฤทธิ์ป้องกันรังสี

สารสกัดจากมะขามป้อมยังมีการศึกษาฤทธิ์ป้องกันรังสี ทั้งรังสีแกมมา และรังสีอื่นๆ ก่อให้เกิดความผิดปกติของเลือดและค่าชีวเคมี ช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตในหนูที่ได้รับรังสี ลดผลกระทบจากรังสี เช่น น้ำหนักตัวที่ลดลงในหนูที่ได้รับรังสี การลดลงของเม็ดเลือดขาว การลดลงของเอนไซม์ที่ใช้กำจัดสารพิษ ป้องกันไมโตคอนเดรียและสายดีเอ็นเอ รวมถึง โครโมโซม ซึ่งสารสกัดที่ใช้ในงานวิจัยมีทั้งสารสกัดน้ำและแอลกอฮอล์

หากในอนาคตอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ให้กินมะขามป้อมต้มน้ำ เพราะปลอดภัยกว่าแอลกอฮอล์สกัด ปัจจุบันข้อมูลโภชนาการพบว่า 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะมีมะขามป้อมประมาณ 276 มิลลิกรัม ควรกิน 500 มิลลิกรัม ถึง 1 กรัมต่อวัน เพราะปริมาณ 2-4 ขีด ถือว่ามากพอสมควร ต้องระวังท้องเสียในคนที่ธาตุเบา ส่วนการผลิตแบบอายุรเวทที่เขียนในงานวิจัยให้นำผลมะขามป้อมมาบดเป็นผงแล้วทำให้แห้ง จะมีวิตามินซีเพิ่มขึ้น 3 เท่า

...

สารเคอร์คูมินจากขมิ้นชัน มีคุณสมบัติปกป้องเซลล์
สารเคอร์คูมินจากขมิ้นชัน มีคุณสมบัติปกป้องเซลล์

สมุนไพรขมิ้นชัน-บัวบก ลดผลกระทบจากรังสี

ขมิ้นชันยังเป็นสมุนไพรอีกตัวที่มีสารเคอร์คูมิน มีคุณสมบัติปกป้องเซลล์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบของเซลล์และต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย ลดอัตราการตายจากรังสี ซึ่งมีการศึกษาฤทธิ์ในการป้องกันรังสีรักษาของเคอร์คูมิน 3 กรัมต่อวัน ในผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ก่อนได้รังสีไปจนถึงระหว่างให้รังสีรวม 3 เดือน พบว่า ลดผลข้างเคียงจากรังสีรักษา และในงานวิจัยอีกชิ้นพบว่า ขมิ้นชันมีเคอร์คูมินอยู่ 3.14% หากจะกิน 3 กรัมจะต้องกินผงขมิ้น ประมาณ 100 กรัม หรือ 1 ขีด แต่ต้องระวังในผู้ป่วยท้องผูก หรือผู้ป่วยท่อน้ำดีอุดตัน หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

งานวิจัยพบว่าบัวบก ช่วยลดผลกระทบจากรังสี
งานวิจัยพบว่าบัวบก ช่วยลดผลกระทบจากรังสี

...

สมุนไพรอีกชนิดคือ บัวบก มีงานวิจัยพบว่าช่วยลดผลกระทบจากรังสี เช่น การรับรสที่ผิดไป และน้ำหนักตัวที่ลดลงในหนูที่ได้รับรังสี โดยมีกลไกในการปกป้องเซลล์ ทั้งระดับ ดีเอ็นเอ และโครโมโซม มีการวิจัยโดยการใช้สารสกัด ทั้งน้ำและแอลกอฮอล์ของบัวบก แต่ยังไม่มีการศึกษาในคน เมื่อเทียบงานวิจัยในหนูมาเป็นคน ให้กินบัวบกใบเล็กที่มีสารสำคัญทางยาสูงประมาณ 1 ขีด ปั่นกับน้ำสะอาด การกินต่อเนื่องต้องระวังความเย็นที่ทำให้ท้องอืดเฟ้อได้ และควรใช้ไม่เกิน 1-2 เดือน

“การวิจัยส่วนใหญ่เป็นการป้องกัน อาจนำมาใช้ในกรณีที่ต้องเข้าพื้นที่เสี่ยง กินช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วหยุด แต่ทางที่ดีที่สุดคือไม่สัมผัสรังสี หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ สมุนไพรเหล่านี้ก็อาจเป็นทางเลือกได้”.