ธุรกิจบาปเร่ขายนก ปล่อยทำบุญ ในกรุงเทพฯ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ยังคงมีอยู่ โดยนกที่ถูกจับมาในขบวนการนี้ มีต้นทุนตัวละ 10 – 20 บาท เมื่อนำมาขายให้กับผู้ใจบุญ กลับมีราคาพุ่งสูงขึ้น ตั้งแต่หลักร้อยถึงพันบาท โดยเฉพาะนกเขา และนกพิราบ ตามความเชื่อของนักท่องเที่ยวชาวจีน

"ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล" เลขาธิการและผู้อำนวยการ สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) กล่าวว่า การทารุณสัตว์ โดยการนำนกมาเร่ขายให้กับคนที่มาทำบุญและชาวต่างชาติบริเวณศาลพระพรหม บริเวณแยกราชประสงค์ ขณะนี้มีผู้ร้องเรียนมายังมูลนิธิฯ จำนวนมาก จึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ดูแลศาล และได้รับการตอบรับว่า กิจกรรมดังกล่าวทางผู้ดูแลไม่ได้สนับสนุน แต่ยังมีการลักลอบกระทำอยู่เรื่อยมา

สถานการณ์การลักลอบนำนกมาขายบริเวณวัด และสถานที่ทำบุญ จะมีรูปแบบเปลี่ยนไปจากเดิมที่ใช้นกกระติ๊ดขี้หมู ที่ขณะนี้เป็นสัตว์คุ้มครอง จึงมีบทลงโทษทางกฎหมาย จึงลักลอบนำนกเขา นกพิราบ มาขายแทน ตัวอย่างเช่น ในพื้นที่ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน มีการปรับเปลี่ยนลักษณะเดียวกัน

เดิมคนที่นำนกกระติ๊ดขี้หมู มาเร่ขาย ส่วนใหญ่นำมาจากพื้นที่อยุธยา ราชบุรี เพราะนกจะอาศัยบริเวณทุ่งนาอุปนิสัยของนกชอบอยู่เป็นกลุ่ม ทำให้คนจับมาขายสามารถหว่านตาขายจับได้ทีละมากๆ ส่วนปัจจุบันยังไม่พบว่ามีฟาร์มเลี้ยงนก เพื่อนำมาปล่อยในธุรกิจนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นนกที่จับได้ทั่วไป เพราะนกพวกนี้ เมื่อปล่อยแล้วจะไปไหนไม่ได้ไกล เนื่องจากหากินเองไม่ได้ สุดท้ายถูกจับวนมาขายอีกครั้ง ซึ่งแทนที่คนปล่อยจะได้บุญ กลับกลายเป็นวงจรธุรกิจบาป

...

สำหรับต้นทุนนกในวงจรนี้ มีการนำมาขายต่อตัวละ 10-20 บาท เมื่อนำมาขายในกรุงเทพฯ จะมีราคาสูงขึ้นถึงตัวละ 100 บาท และอาจไปถึงหลักพันบาท หากขายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

“นกที่ถูกปล่อยจากการเร่ขาย มีอัตราการรอดชีวิตต่ำ เฉลี่ย 100 ตัว มีชีวิตรอดเพียง 10 ตัว เพราะไม่สามารถใช้ชีวิตรอดในเมือง บางตัวบินชนกระจกตาย ประกอบกับความบาดเจ็บตั้งแต่ถูกจับมา เพราะถูกตาข่ายดักจับทำให้ร่างกายบอบช้ำ เมื่อลำเลียงเข้ามากรุงเทพฯ ก็ยัดมาในกรงแคบๆ กว่าจะมีคนซื้อนำไปปล่อย ร่างกายนกก็บาดเจ็บอ่อนแรงมาก”

สำหรับความเชื่อที่ยึดโยงกับศาสนา ถึงการปล่อยนกเพื่อทำบุญ หรือการปล่อยนกเขาเป็นคู่ เพื่อให้ชีวิตสมหวังตามความเชื่อของนักท่องเที่ยวจีน เป็นปัญหาที่หลายประเทศเจอ โดยมีผลศึกษาว่า กัมพูชา มีการปล่อยนกปีละ 7 แสนตัว ขณะที่ฮ่องกง มีการปล่อยนกปีละ 5 แสนตัว ดังนั้น การทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการทารุณกรรมสัตว์ จึงเป็นสิ่งที่หน่วยงานท่องเที่ยวของไทยควรส่งเสริม

“นกควรอยู่บนฟ้า ไม่ควรส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการทารุณ ดังนั้นการแก้ปัญหา ต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงจะทำให้ขบวนการบาปเหล่านี้หมดไปได้ ซึ่งตอนนี้ก็ถือว่าลดลงกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะการทำบุญโดยการปล่อยนกหรือปล่อยปลา จะเป็นสิ่งที่ทำให้วงจรบาปยังคงอยู่”.