หลังการกล่าวหาครูบาไก่ จากโยมอุปัฏฐาก ถึงการปฏิบัติตนไม่เหมาะสม จนมีการพิสูจน์เบื้องต้นว่า คลิปลับดังกล่าว ไม่เป็นความจริง แต่ข้อครหาอื่นๆ ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา ของคณะสงฆ์ ล่าสุดกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องร้องเรียน ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด ขณะที่ ครูบาไก่ ได้เข้าขอขมาพระอุปัชฌาย์ กรณีภาพสรงน้ำที่น้ำตก ขี่เจ็ตสกี และเล่นบานาน่าโบ๊ต แต่ยังมีเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสม ตามพระธรรมวินัย เพราะการปลงอาบัติ อาจไม่ใช่ทางออกสุดท้าย
หลังการแชร์ภาพ “พระอาจารย์สุวิทย์ ชินวโร” หรือ ครูบาไก่ วัดป่าปฐมเทวาราม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ในสื่อออนไลน์ กรณีสรงน้ำที่น้ำตก ขี่เจ็ตสกี และเล่นบานาน่าโบ๊ต จนมีข้อครหาว่า เป็นภาพไม่เหมาะสม แหล่งข่าวระดับ “พระมหาเปรียญธรรม 9 ประโยค” ผู้ศึกษาพระธรรมวินัย ให้ข้อมูลว่า การโชว์ภาพดังกล่าวไม่เหมาะสมกับสมณสารูป พระไม่ควรไปท่องเที่ยวแล้วถ่ายรูปไม่เหมาะสมลักษณะนี้ แต่ไม่ได้มีข้อห้ามว่าพระไม่สามารถเดินทางไปตามสถานที่ท่องเที่ยว แต่การถ่ายรูป ต้องมีความสำรวม
“การถ่ายรูปของพระ ไม่ใช่ไปเที่ยวไหน แล้วมาถ่ายรูปแอ็กชันเหมือนกับคนทั่วไป ขณะเดียวกันการไปแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม ในพื้นที่ชุมชน ก็เป็นการไม่เหมาะสม และถือเป็นที่อโคจร”
...
การปลงอาบัติ เป็นเรื่องของพระวินัย ซึ่งเป็นโทษทางพระบัญญัติ แต่ถ้าเป็นโลกวัชชะ ที่ชาวบ้านรังเกียจรับไม่ได้ อาจถึงขั้นไม่ยอมรับความเป็นพระ จนต้องทำการสึกจากความเป็นพระ
“ภาพการไปขี่บานาน่าโบ๊ต อาจไม่ได้ขาดจากความเป็นพระ แต่เป็นไปด้วยความคึกคะนอง มีโทษทางอาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งสามารถปลงอาบัติได้ แต่ถ้าการกระทำนั้นชาวบ้านทางโลกไม่ยอมรับ พระไม่สามารถอยู่ในวัดนั้นต่อได้ เพราะความเป็นพระจำเป็นต้องอาศัยชาวบ้าน พระไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ จำเป็นต้องอาศัยศรัทธาจากชาวบ้าน”
กรณีภาพไม่เหมาะสมดังกล่าว ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับว่า ชาวบ้านยอมรับการกระทำได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ก็เป็นโลกวัชชะ ตัวอย่างเช่น พระที่ไปดื่มสุราเมามายอยู่กลางตลาด ตามพระวินัย ไม่ได้ขาดจากความเป็นพระ แต่ถ้าชาวบ้านรับไม่ได้กับการกระทำนั้น ก็ต้องทำการสึกจากความเป็นพระ
“อีกตัวอย่างที่เห็นชัด อย่างพระเสพยาบ้า ไม่ได้มีระบุไว้ในพระวินัย แต่เมื่อถูกจับได้ โดนดำเนินคดีก็ต้องขาดจากความเป็นพระ ดังนั้นโทษทางโลก เป็นความผิดที่มีชาวบ้านเห็น และรับไม่ได้กับการกระทำ จึงมีโทษขาดจากความเป็นพระ”
ภาวะที่มีการสอบสวนจากทางเจ้าคณะ และหน่วยงานของรัฐ พระเองไม่สามารถตั้งมั่นในการปิดวาจาได้ แต่ต้องหาข้อมูล และผู้ที่เป็นพยานสำคัญในการคลี่คลายคดี เพื่อให้มีกระบวนการพิจารณาที่เหมาะสม
จึงอยากเรียกร้องให้คณะสงฆ์ระดับสูง ออกกฎเกณฑ์ที่ควบคุมพระสงฆ์ ที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน เพราะขณะนี้มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับวงการสงฆ์ ดังนั้นถ้ามีกฎระเบียบที่ชัดเจน เป็นแนวทางในขั้นปฏิบัติ ตั้งแต่ระดับบนไปจนถึงเจ้าคณะระดับอำเภอ จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายตามมาได้
กระทรวงยุติธรรม รับเรื่องตรวจสอบเส้นทางการเงิน
ขณะที่วันนี้ (1 ก.พ. 2566) ที่กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์จาก “อิคคิว” กับเพื่อนอดีตโยมอุปัฏฐาก และลูกศิษย์ครูบาไก่ ขอให้เร่งรัดติดตามคดี และช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดย “ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์” เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รับเรื่องร้องทุกข์ เพื่อให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยเร่งรัดติดตามคดี ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะที่ผ่านมาได้ร้องเรียนกับ สำนักงานเจ้าคณะอำเภอมัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
โดยประเด็นในการตรวจสอบประกอบด้วย การจัดตั้งสำนักสงฆ์ วัดป่าปฐมเทวาราม ของ "ครูบาไก่" ว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกระบวนการการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือไม่ และตรวจสอบเส้นทางการเงิน มอบหมายให้ “พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล” ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาช่วยติดตามคลี่คลายคดี.