เข้าปีที่ 17 กับการใช้ชีวิตอยู่แดนไกลของชายผู้ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือ "โทนี่ วู้ดซัม" อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 เพราะหลบหนีคดีมากมาย หลังการรัฐประหารปี 2549 และบ่อยครั้งมีความพยายามเคลื่อนไหวสร้างกระแส "อยากกลับบ้าน" มาโดยตลอด จนมาครั้งล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 24 ม.ค. 2566 ประกาศจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จะกลับบ้านในปี 2566 นี้
ความฝันจะกลับบ้านของทักษิณ ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เคยเป็นจริง หรือปี 2566 อาจมีดีลลับบางอย่าง ทำให้สมปรารถนาและไม่ต้องเข้าเรือนจำก็ได้ หวังว่า "อิ๊งค์" แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะพาพ่อกลับบ้าน ได้มาใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และมาเลี้ยงหลานอย่างที่ตั้งใจ
หลังถูกยึดอำนาจ ทักษิณยังคงมียศพันตำรวจโท ได้เดินทางไปอยู่ประเทศอังกฤษ ก่อนกลับมาเหยียบมาตุภูมิเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2551 พร้อมกับภาพคุกเข่าก้มกราบพื้นแผ่นดินไทย หลังพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง แต่การกลับมาในครั้งนั้นถือเป็นครั้งสุดท้ายที่อยู่ในบ้านเกิด และต่อมาได้ถูกถอดยศตำรวจ ต้องลี้ภัยอยู่แดนไกลเดินทางเข้าออกหลายประเทศจนถึงปัจจุบัน ภายหลังศาลอ่านคำวินิจฉัยว่ามีความผิดในคดีที่ดินรัชดาฯ
...
ชีวิตทักษิณในต่างแดนไม่ได้ยากลำบาก มีการทำธุรกิจในต่างประเทศ และยังคงออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง มีการประกาศจะกลับบ้านอยู่บ่อยครั้งเป็นระยะๆ นับตั้งแต่การออกมาปราศรัยส่งสัญญาณภาพและโฟนอินในปี 2552 ผ่านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และผ่านช่องทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ กระทั่งปัจจุบันร่วมพูดคุยผ่านคลับเฮาส์
ประโยคคำพูดของทักษิณ วนเวียนอยู่กับการจะกลับบ้านมาไทยเกือบทุกปีเหมือนเดิม อาจทำให้หลายฝ่ายชินชามองว่าเป็นแค่ความฝัน โดยเฉพาะช่วงปี 2564-2565 ออกมาพูดบ่อยครั้ง จะกลับไทยแน่ๆ อยากกลับมาเลี้ยงหลาน ชวนเศรษฐีไทยลงขันทำสตาร์ตอัพ และเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2565 ออกมาบอกปี 2566 เจอกันที่เมืองไทยจะกลับไปเยี่ยมเยือนพี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ทุกอำเภอ
จนในวันครบรอบวันเกิด 73 ปี เมื่อ 26 ก.ค. 2565 ได้ประกาศให้อภัยศัตรู อยากกลับบ้านเพราะสงสารคุณหญิงพจมาน และ 19 ก.ย. 2565 กล่าวในวันครบรอบ 16 ปี ที่ระเห็จระเหินมาอยู่แดนไกล ได้บอกอีกขอกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน และแบ่งปันความรู้ประสบการณ์ให้กับสังคมไทย กระทั่งครั้งล่าสุดคืนวันที่ 24 ม.ค. 2566 ประกาศจะกลับบ้านในปี 2566
การจะมากลับไทยของทักษิณ เป็นไปได้หรือไม่ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ออกมาฟันธงเลยว่า ยังมองไม่เห็นทาง และการออกมาพูดเช่นนี้ เป็นวาทะเรียกคะแนนเสียงให้กับพรรคเพื่อไทยมากกว่าในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะต้องเคลียร์ในประเด็นกฎหมายที่ค้างคาให้ได้ก่อน และทิศทางของกฎหมายที่จะเปิดทางให้กลับมาไทยก็ค่อนข้างยาก
“ประโยคอยากกลับบ้านของทักษิณ ก็พอเรียกคะแนนได้บ้าง แต่ไม่เหมือนในช่วงแรกๆ ที่มีวาทะออกมา และวาทะล่าสุดดูย้อนแย้งกับสิ่งที่จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาพูดดิสเครดิตทักษิณ แต่ในส่วนกองเชียร์ก็ต้องยอมรับว่ากระแสของเพื่อไทยมาแรงในการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นพรรคขนาดใหญ่ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นของเดิมแค่แยกกันออกมาเดินเท่านั้น ไม่มีความโดดเด่นอะไรเลย เมื่อเทียบกับเพื่อไทย เป็นฝ่ายค้านมาหลายปี พยายามพูดถึงความชอบธรรมค่อนข้างมาก และเมื่อประชาชนไม่รู้จะเลือกใคร จึงเป็นโอกาสของเพื่อไทย และทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเพิ่มคะแนน”
...
แม้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือทักษิณ อยากจะกลับไทย จะต้องออกมาพูดพร้อมมาต่อสู้คดีหรือไม่ อาจทำให้คนเบื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หันมาสนับสนุนก็ได้ หรือทำเหมือนกับจตุพร พรหมพันธุ์ ยอมติดคุก ออกมายอมรับเรื่องกฎหมาย เป็นสิ่งสำคัญว่าจะทำอย่างไรในการออกมาต่อสู้คดี ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มยึดหลักนิติธรรม ซึ่งไม่เหมือนกับกลุ่มเชียร์ทักษิณ จนประโยคอยากกลับบ้านกลายเป็นวาะทะหนึ่งของทักษิณ ในช่วงคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทยกำลังมา
ส่วนหลังการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ เป็นอีกเรื่องต้องติดตาม แต่การที่ทักษิณจะกลับบ้านจะต้องเคลียร์เรื่องกฎหมาย เพราะการไม่มีบทลงโทษใดๆ คงเป็นไปไม่ได้ ควรกลับมายอมรับความผิด ทำให้มองไม่เห็นความเป็นไปได้ที่ทักษิณจะกลับมาประเทศไทย แม้หลังเลือกตั้ง หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็มองไม่เห็นหนทาง ยกเว้นทักษิณยอมสงบปากสงบคำ อย่าเอาการเมืองเป็นบันได ทำให้โอกาสกลับไทยยากมากขึ้น แต่หากยอมรับกฎหมาย อาจเป็นฮีโร่ก็ได้
“ทักษิณไม่ควรวางทายาททางการเมือง ควรยอมตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นก็จะกลับไปเป็นแบบมุมเดิม และเข้าทางอีกฝ่าย ได้เป็นข้ออ้างความชอบธรรมทางการเมือง แม้ไม่มีความเก่งเลยก็ตาม จนในที่สุดจะเกิดวงจรอุบาทว์เดิมๆ และล้าหลังไปในที่สุด”.
...