ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี คือ “วันเด็กแห่งชาติ”

ปีนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากมี “เพลงชาติ” เด็ก (อนุบาล) ถือกำเนิดขึ้น กับเพลง “ทรงอย่างแบด (BAD BOY)” ของ เปเปอร์ เพลนส์ ซึ่งเมื่อใครได้เห็นคลิป ก็รู้สึกได้ถึง “ความสุข” ที่เด็กร่วมร้องเพลงนี้

แต่...ในอีกมุมหนึ่ง ใช่ว่าเด็กทุกคนจะมีความสุขกับ “วันเด็กแห่งชาติ”

บางคนต้องกลายเป็นแรงงาน เป็นกำลังหลัก กำลังเสริมในการหาเลี้ยงครอบครัว โดยข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่ทำการสำรวจในปี 2561 ระบุว่ามี เด็กทำงานประมาณ 4.09 แสนราย แรงงานเด็ก 1.77 แสนราย ทำงานอันตราย 1.33 แสนราย โดยกลุ่มอายุมากที่สุด 15-17 ปี

ในขณะที่เด็กบางคนหายออกจากบ้าน โดยที่พ่อแม่ที่เลี้ยงดูยังไม่รู้เลยว่าลูกหายไปไหน เพราะเป็นการ “สมัครใจ” หนีออกจากบ้าน หรือ บางรายกลายเป็นขอทาน ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้...

จากข้อมูล นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา ระบุว่า สถิติ รับแจ้งเด็กหาย ปี 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 251 ราย ถือว่าเป็นสถิติเด็กหายสูงขึ้นในรอบ 4 ปี โดยสูงกว่าปี 2564 ถึง 25%  โดยสาเหตุหลักกว่า 61% หรือ 161 ราย สมัครใจหนีออกจากบ้าน รองลงมาคือ กลุ่มเด็กที่มีพัฒนาการช้า มีความพิการทางสติปัญญา หรือป่วยทางจิตเวช สูญหายกว่า 21% หรือ 52 ราย และมีเด็กถูกลักพาตัว 2 ราย

...

ขณะที่อายุ เฉลี่ย ที่เด็กหายออกจากบ้านมากที่สุด คือ ช่วงวัย 11-15 ปี จำนวน 157 ราย อายุ 16-18 ปี รวม 67 ราย และ ช่วงแรกเกิดถึง 10 ขวบ

นายเอกลักษณ์ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ในประเด็นเรื่องงานวันเด็กแห่งชาติว่า ผมเชื่อว่า มีเด็กจำนวนมากที่ไม่มีโอกาสไปเที่ยวงานวันเด็ก เพราะเด็กบางคนหายออกจากบ้านไป ซึ่งแต่ละปี มีเด็กหายมากกว่า 200 คน ถึงแม้จะมีโอกาสพบเจอเด็ก ได้เด็กกลับคืนสู่ครอบครัว 80-90 เปอร์เซ็นต์ แต่...จะมีอีก 10% ไม่ได้กลับบ้าน และไม่รู้ชะตากรรมว่าหายไปไหน หากเราเพิกเฉย หรือ ละเลยเรื่องนี้ คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่มีโอกาสเจอลูกอีกก็เป็นไปได้

จากสถิติในปีนี้ พบว่า เด็กหายเพิ่มขึ้นถึง 25% ในรอบ 4 ปี  ถือเป็นการเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ เหตุผลส่วนหนึ่ง จากการวิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากปัญหาโควิด ทำให้ผู้ใหญ่ เจอปัญหาเศรษฐกิจ บางธุรกิจล้มหายตายจากไป และเมื่อมีการคลายล็อกดาวน์ เด็กกลับเข้าสู่การเรียนภาคปกติ มีการใช้เทคโนโลยีสื่อสาร มีการนัดแนะพบกัน มีปฏิสัมพันธ์มากกว่าการอาศัยอยู่แต่ในบ้าน

“ปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้หลายครอบครัวเกิดความแตกแยก หัวหน้าในครอบครัวต้องปากกัดตีนถีบหาเลี้ยงชีพ ทำให้ไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลาน ซึ่งก็มีบางเคส ลูกหายออกจากบ้าน โดยไม่รู้ว่าลูกไปไหน เพราะไม่รู้ว่าลูกคุยกับใครในโลกออนไลน์ จากสถิติพบว่าส่วนใหญ่ หนีออกจากบ้านด้วยความสมัครใจ สาเหตุมาจากพ่อแม่ซื้อสมาร์ทโฟนให้ลูก โดยไม่มีเวลาดูแลลูก ให้ลูกอยู่กับโทรศัพท์ แต่ไม่ได้สนใจว่าลูกคุยกับใคร”

การซื้อโทรศัพท์ให้ลูก เปรียบเสมือนการชดเชย เรื่องเวลาที่พ่อแม่ไม่มีให้ กลายเป็นว่า เป็นช่องทางหนึ่ง ที่ลูกหนีออกจากบ้าน แต่เมื่อถามข้อมูลอะไรพ่อแม่ ก็ตอบไม่ได้ เพราะเขาไม่รู้จริงๆ

“บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าลูกกำลังเรียนหนังสือชั้นอะไร เพราะเขาไม่มีเวลาให้ หากมองในมุมลึกๆ การระบาดของโควิด-19 มันส่งผลต่อสถาบันครอบครัว ทำให้ครอบครัวไม่แข็งแรง ส่งผลให้โอกาสในการดูแลลูกลง” หัวหน้าศูนย์คนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวและว่า

สำหรับคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจ ลูกไม่หายหรอก เพราะเขามีเวลาดูแล ทำให้มีหลัก มีที่พึ่งพา แต่สำหรับคนจนๆ เขาต้องให้ลูกอยู่กับปู่ย่าตายาย ด้วยที่วัยแตกต่างกันมาก ทำให้ปู่ย่าตายาย ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กเลย

ใช้เด็กเป็น “ขอทาน” กับปัญหาที่ถูกยกระดับ

สำหรับปัญหาการใช้เด็กเป็นขอทาน นายเอกลักษณ์ เผยว่า ตั้งแต่การระบาดของโควิด ทำให้การใช้เด็กขอทาน หายไปจากระบบ นานถึง 3 ปี เพราะไม่สามารถไปนั่งขอทานได้ ห้างปิด คนน้อย คนทำงานที่บ้าน

“ส่วนตัวมองว่า การเดินทางกลับประเทศถือเป็นเรื่องที่มีนัยสำคัญ เพราะปัญหาขอทานเด็ก ส่วนใหญ่ มาจากประเทศเพื่อนบ้าน บางคนเอาลูกและเด็กมาขอทาน คนในครอบครัวก็ทำงานก่อสร้าง ซึ่งตอนนั้น ก็มีประกาศปิดไซต์งานด้วย จากทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา กลายเป็นว่า แรงงานต่างชาติกลับประเทศจนหมด”

...

กระทั่งล่าสุด เริ่มมีการคลายล็อกดาวน์ เปิดประเทศ ขอทานก็เริ่มกลับมา ฉะนั้น ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน เราก็เริ่มที่จะพบเจอมากขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้า สายสุขุมวิท จะเห็นอยู่มาก

การกลับมาครั้งนี้ มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะ ประเทศไทยมีการเอาจริงมากขึ้น โดยมีการใช้ พ.ร.บ.ปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมไปถึง พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน และยังมีรายงานการค้ามนุษย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในรายงานบางฉบับ ยังระบุถึงปัญหาการขอทานในประเทศไทย

“พอเอาจริงเอาจัง เจ้าหน้าที่ก็ระดับกวาดล้างขอทาน และบางส่วนถูกดำเนินคดี “ค้ามนุษย์” เพราะขอทานบางคน ไม่ได้เป็นแม่ลูกกันจริงๆ แถมไม่สามารถระบุความสัมพันธ์กันได้ เพราะการตรวจ DNA ในประเทศไทย จะตรวจแบบ “ญาติ” สายตรง คือ ต้องเป็นพ่อแม่ เท่านั้น หากเป็นญาติพี่น้อง ก็จะถือว่ามี DNA ไม่ตรงกัน โอกาสถูกดำเนินคดีค้ามนุษย์ จึงมีมาก”

เมื่อเขาทราบตรงนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ขอทานจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็ใช้วิธีการเดินทางเข้ามา จริงๆ โดยเป็นแม่ลูกมานั่งขอทาน ที่สำคัญ การเดินทางเข้ามา ไม่ผ่านขบวนการนายหน้าแต่ประการใดด้วย...เวลาถูกเจ้าหน้าที่จับกุม หากพบว่าเป็น แม่ลูกกันจริงๆ เจ้าหน้าที่ก็ทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีแนวโน้มสูงมากที่จะกลับเข้ามาอีก

...

นายเอกลักษณ์ กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมาย บางครั้งก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะถือเป็นเรื่องความยากจนในประเทศนั้นๆ ที่เขาประสบ พอครอบครัวยากจน ทำให้โอกาสในการประกอบอาชีพอื่นๆ มันก็ยาก ถึงแม้จะมีแนวคิดว่า “เงิน” ที่ได้จาก “ขอทาน” มันควรจะถูกยึด ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน หรือไม่... แต่เมื่อลงลึกไปแล้ว การที่ไม่ได้ถูกดำเนินคดีฐาน “ค้ามนุษย์” ก็จะใช้วิธีผลักดันกลับประเทศ เงินที่ได้ ก็จะคืนให้ด้วย

กลุ่มคนเหล่านี้เขาเรียนรู้ ก็จะใช้วิธีส่งเงินกลับประเทศผ่านธนาคารไปก่อน ลักษณะแบบนี้ จึงเป็นการยากในการป้องปราม เรียนรู้ด้านกฎหมาย ว่าถ้าไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆ จะโดนข้อหาค้ามนุษย์ จึงกลายเป็นแม่ลูกกันจริงๆ โดยมีที่มาจาก “ทัศนคติ” ใช้เด็กขอทาน ได้เงินง่ายๆ

ฉะนั้น สิ่งที่เราควรทำ คือ การไม่ให้เงิน ขอทาน แม้จะเป็นเด็ก น่าสงสาร ก็ไม่ควรให้ ซึ่งบางที...เงินในกระเป๋าของเขา อาจจะมีมากกว่าเราก็ได้ เพราะบางคนขอได้เยอะมาก

สำหรับ ผู้ปกครองท่านใด จะพาลูกหลานไปเที่ยวงานวันเด็ก ในวันนี้ (14 มกราคม มีคำแนะนำมาจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5 ข้อดังนี้

...

- ผู้ปกครองต้องจดจำรูปพรรณของลูก ส่วนสูง น้ำหนัก ตำหนิ สีเสื้อผ้า
- ให้ถ่ายรูปล่าสุดพร้อมชุดที่สวมใส่ของลูกก่อนออกจากบ้าน
- ทำป้ายชื่อ เบอร์ติดต่อครอบครัวติดตัวเด็กไว้
- สอนลูก หากพลัดหลง นัดเจอกันจุดไหน ให้ใครช่วยเหลือ
- สอนลูก หากตกอยู่ในอันตราย มีคนจูงมือไป พร้อมตะโกนให้คนช่วย

หากเด็กสูญหาย หากค้นหาในบริเวณงานแล้วยังไม่พบตัว ให้โทรแจ้ง 1191 ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอครบ 24 ชม.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์รายงาน 

อ่านบทความที่น่าสนใจ 

มองปัญหาบูลลี่ในโรงเรียน ผ่านเด็กพิเศษชื่ออัษฎากรณ์

จีนเปิดประเทศ กลยุทธ์รุกในช่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย

เส้นแบ่ง “ฟ้องชู้” กับ “แบล็กเมล์” เรื่องเล่านักสืบจับบ้านเล็กมือพระกาฬ

ภัยบูลลี่ ทำเด็กพิเศษต้องออกจากโรงเรียน และการสร้างตึกไม่ช่วยอะไร