แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงอาละวาดไม่หยุด แม้มีการจับกุมอย่างต่อเนื่อง และการออกมาเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้คนในสังคมเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น จากการหลอกลวงออกอุบายในหลายรูปแบบ เพื่อให้รู้เท่าทันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ สูญเสียเงินที่เก็บออมมาให้กับแก๊งมิจฉาชีพ
อย่างล่าสุด “น้องป๊อป” หญิงสาว วัย 23 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง และเป็นผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ช่างแม่ง” ทำอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ รับดูดวง รีวิวสินค้า โดยไม่หยุดพัก มาตั้งแต่อายุ 18 ปี จนมีเงินเก็บในบัญชี 4 ล้านบาท แต่ต้องมาเสียรู้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไป เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ทำให้เงินในบัญชีไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว ทั้งๆ ที่ระมัดระวังมาโดยตลอด มีการติดตามข่าวการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาตลอด และยังรู้ว่าที่ผ่านมามีแพทย์หญิงรายหนึ่งเคยถูกหลอกให้โอนเงินไป 100 ล้านบาทอีกด้วย
หลังรู้ตัวว่าถูกหลอก เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง จึงไปแจ้งความยังโรงพักสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อทำการอายัดเงิน และเมื่อวันที่ 5 ม.ค.2566 ยื่นเรื่องที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ พร้อมติดต่อไปยังแบงก์ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด ทางแบงก์ได้บอกว่าจะอายัดเงินภายใน 3 วัน ซึ่งดูเหมือนจะได้รับการช่วยเหลือ จนวันเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ ไม่มีตำรวจติดต่อเข้ามา และด้วยความกระวนกระวายใจ จึงติดต่อไปเอง 5 รอบ สุดท้ายได้คำตอบว่าจะต้องรอเอกสารจากแบงก์ เท่านั้น ทางตำรวจไม่สามารถดำเนินใดๆ ได้
“อยากขอความเห็นใจจากทางแบงก์ เพราะเดินเรื่องช้ามากๆ เอกสารยังไม่ถึงตำรวจ ทำให้ดำเนินการอะไรต่อไม่ได้ มันเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตไม่เหลือเลย ต้องไปกินข้าวบ้านเพื่อน และไม่อยากให้เรื่องเงียบไป หลังแจ้งความไปแล้ว ก็รออย่างเดียว คงเหมือนกับเหยื่อบางคนที่รอตำรวจติดต่อเข้ามา รอนานมากจนหาเงินมาได้เท่ากับเงินที่ถูกโกงไป จนขณะนี้ประชาชนสิ้นหวังมาก เพราะมีคนโดนหลอกเยอะมาก สุดท้ายไม่ได้เงินคืนและไม่ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ”
...
น้องป๊อป บอกว่าขณะนี้รู้สึกพังมาก ระหว่างรอตำรวจติดต่อเข้ามา ซึ่งแรกๆ ยังไม่กล้าโพสต์เรื่องราวที่ตัวเองเจอมากับตัวให้ใครๆ รับรู้ ผ่านโลกโซเชียล เพราะอาจจะโดนคนด่าว่าโง่ก็ได้ แต่เมื่อประมวลผลทุกอย่าง และไปปรึกษาจิตแพทย์จากอาการโรคซึมเศร้า จึงจัดตัดสินใจโพสต์เรื่องราวของตัวเอง อย่างน้อยก็ทำเพื่อตัวเอง และเล่าให้เป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครอีก โดยมีบางคนที่ตกเป็นเหยื่อเข้ามาให้กำลังใจ และชี้แนะแนวทาง
นอกจากนี้ยังอยากให้สื่อทั้งหลายช่วยเป็นกระบอกเสียง กระทั่งทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ติดต่อเข้ามา และเธอยอมรับว่าอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกระแส เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์ แม้ว่าเงิน 4 ล้านบาทอาจไม่ได้คืน แต่หวังว่าอาจมีคนเข้ามาติดตามทวิตเตอร์ของเธอเพิ่มขึ้นก็ได้ จากปัจจุบันมีแฟนคลับ 7-8 แสนคน แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับพบว่าตั้งเกิดเรื่องก็ไม่มีคนติดตามมากขึ้นเท่าไรนัก ทำให้สุดท้ายแล้วอยากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดเคสอย่างนี้อีก
“บางคนไม่มีต้นทุนในการหาเงินได้มากมาย เมื่อถูกหลอกก็อาจหมดตัว เป็นเพราะช่องโหว่จากการขายข้อมูลของเจ้าหน้าที่บางคนให้กับแก๊งคอลฯ มันเป็นสิ่งที่แย่มาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีข้อมูลของใครเล็ดลอดออกมาจนตกเป็นเหยื่อ และขอพูดตรงๆ คงจะได้เงินคืนยาก แต่อยากให้คนในสังคมรู้ว่าภัยพวกนี้น่ากลัว แม้ข่าวจับแก๊งคอลฯออกมาเกือบทุกวัน ก็ยังมีคนตกเป็นเหยื่อ และอย่าตีกรอบว่าคนที่โดนว่าโง่ไม่ได้ เพราะแก๊งคอลฯพวกนี้วางแผนมาอย่างดี ใครไม่โดนไม่รู้หรอก จนมาเกิดขึ้นกับตัวเองเป็นบทเรียนราคาแพง”
วันเกิดเหตุถูกหลอก เพราะตกใจกลัว จนสูญเงิน 4 ล้าน
น้องป๊อป ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ “ช่างแม่ง” ย้อนไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2565 เวลาประมาณ 9 โมงเช้า ขณะกำลังนอนหลับ ได้มีสายเรียกเข้าเบอร์โทร. 0982935378 บอกว่าติดหนี้บัตรเครดิตธนาคารสีเขียว และผู้หญิงที่อ้างว่าเป็นพนักงานธนาคารได้ระบุรายละเอียดต่างๆ ซึ่งทำให้ตกใจ เพราะที่ผ่านมาไม่มีบัตรเครดิตสักใบ แต่ทางนั้นบอกว่าถ้าไม่ได้เป็นคนเปิดบัตรต้องไปแจ้งความ โดยสถานที่เปิดบัตรอยู่จังหวัดเชียงราย ต้องไปแจ้งความและดำเนินเรื่องที่นั่นเท่านั้น แต่เคสแบบนี้มีเป็นจำนวนมาก สามารถดำเนินการออนไลน์ได้ โดยมีการโอนสายทำเหมือนเป็นการแจ้งความออนไลน์
จากนั้นมีตำรวจชายนายหนึ่งรับสาย และให้แจ้งความว่าโดนคนแอบอ้างชื่อไปเปิดบัตรเครดิต เพื่อเดินเรื่องไปยังธนาคารเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมกับขอหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก จึงมีการให้ไป แต่ต่อมามีการบอกว่าแจ้งความไม่ได้ เพราะชื่อเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน เปิดบัญชีธนาคารใน จ.เชียงราย มีการขายบัญชีธนาคาร 5 หมื่นบาท และได้รับส่วนแบ่งอีก 10% ทำให้ยิ่งตกใจไปกันใหญ่
...
ทางนั้นแจ้งว่าบัญชีทุกธนาคารจะถูกอายัด เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาในคดี ทำให้ยิ่งตกใจ เพราะทุกบัญชีมีการหาเงินมาด้วยความบริสุทธิ์ และเป็นอินฟลูฯ ในโลกออนไลน์ ถ้าโดนอายัดหมดจะทำยังไงต่อ จากนั้นอ้างว่าจะทำการบันทึกเสียงการสนทนาและห้ามมีเสียงอื่นเข้ามาแทรกเด็ดขาด ก่อนให้ผู้แอบอ้างเป็นตำรวจหญิงอีกคนมารับเรื่องต่อ และบอกให้โอนเงินเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ทั้ง 5 บัญชี เพื่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทำการตรวจสอบ
เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง มีการพูดคุยหลอกถามข้อมูลส่วนตัว และให้เปิดกล้องเพื่อจะได้เห็นว่ากำลังรอรหัส otp เพื่อทำการโอนเงินให้จริงๆ โดยอ้างว่าจะบันทึกเสียง และหน้าจอ ให้ไปแสดงความบริสุทธิ์ในชั้นศาล จนกระทั่งต้องเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะความตกใจทำให้เชื่อ เหมือนละครเชื่อมโยงเป็นเรื่องราว และขณะเกิดเรื่องแม่ ซึ่งป่วยจิตเวช อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอด ได้เครียดหนักมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
เรื่องต้องรู้ สร้างภูมิตัวเอง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลฯ
จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น “พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์” ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ออกอาละวาดหลอกลวงคนได้ลดลง ถ้าเทียบกับในอดีต เนื่องจากการปราบปรามทั้งนโยบายรัฐบาลที่มีการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน และองค์ความรู้ของประชาชนที่ได้รับจากการเตือนของภาครัฐ แต่ปัจจุบันยังมีคนถูกหลอก เนื่องจากคนร้ายมีการพัฒนารูปแบบไม่ให้ซ้ำแบบเดิม และออฟฟิศใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศกัมพูชา มีการเปลี่ยนสถานที่อยู่ตลอดเวลา จากการเช่าตึกมาอยู่ในพื้นที่กาสิโน ทำให้ต้องใช้เวลาในการประสานเข้าไปตรวจค้น
...
ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหาแนวทางปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาอย่างต่อเนื่อง แต่หากตกเป็นเหยื่อมีการโอนเงินไปแล้ว โดยขั้นตอนแรกอย่าเพิ่งไปแจ้งความกับทางโรงพัก แต่ต้องรีบแจ้งความออนไลน์ทางสายด่วน 1441 หรือศูนย์ PCT 081-8663000 หรือผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com เพื่ออายัดเงินในบัญชีไม่ให้ไหลออกไปต่างประเทศ
“การป้องกันที่ดีที่สุดอย่ารีบโอนเงินให้ใคร หากสงสัยให้แจ้งศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ เพราะมีข้อมูลบัญชีของแก๊งคอลฯ ซึ่งแก๊งพวกนี้มีการทักษะการพูดคุยที่ดีเพราะฝึกฝนมาอย่างดี ทำให้คนตกเป็นเหยื่อจากการขู่ ทำให้ตกใจกลัว และจะบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเราช่วยได้นะ แต่สิ่งที่ดีที่สุดอย่ารับสายที่โทรมาจากต่างประเทศ และต้องมีภูมิคุ้มกันตัวเอง อย่าหลงเชื่อยอมโอนเงิน”