เรื่องร้อนแรงสุดๆ ในวงการบันเทิง จนสายเผือกอยู่ไม่นิ่งหลังความรักอันหวานฉ่ำระหว่างอั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ กับไฮโซพก ประธานวงศ์ พรประภา ต้องจบลงปิดฉาก 5 ปี เคยคบกันมา ท่ามกลางข่าวเม้าท์มอยเป็นเพราะมือที่สาม ระดับนางเอกอักษรย่อ ”ม.” จนทัวร์มาลงรัวๆ ที่แมท ภีรนีย์ คงไทย น่าจะเป็นต้นเหตุจากการที่สาวแมท ไปจับมือไฮโซพกในงานปาร์ตี้ฉลองปีใหม่ และหลายบุคคลก็โดนโยงไปด้วย
สุดท้ายแล้วเบื้องหลังรักร้าวที่เกิดขึ้นต้อนรับปีใหม่ ไม่เกี่ยวกับมือที่สามแต่อย่างใดๆ จากปากเพื่อนสนิทของอั้ม รวมถึงตัวไฮโซพก เมื่อได้เห็นข่าวแล้วไม่ค่อยสบายใจ ทำให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยต้องเดือดร้อน และออกมายืนยันตั้งแต่คบกับอั้ม ไม่เคยมีแม้แต่คิดว่าจะมีหรืออยากมีมือที่สาม ส่วนสาวแมท ยอมรับจับมือกันจริงในคืนเคาต์ดาวน์ วันที่ 31 ธ.ค. แต่ไม่ได้มากกว่าพี่น้อง และไม่ใช่มือที่สามแน่นอน เพราะความสัมพันธ์กับสงกรานต์ก็ยังดีอยู่
...
แน่นอนคนที่ถูกมองเป็นมือที่สาม อาจดูไม่ดีถูกครหานินทาในทางเสียๆ หายๆ ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งที่ความจริงไม่ได้ทำ หรือแม้แต่จะคิดก็ยังไม่มี หากใครก็ตามถูกยัดเยียดให้ตกเป็นจำเลยของสังคมราวกับว่าเป็นนางมารร้าย หรือชายโฉด จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไร และมีวิธีใดจะบอกให้โลกรู้ เพื่อจะได้มีที่เดินอย่างสงบสุขในการใช้ชีวิตแบบปกติอีกครั้ง ยกเว้นไม่สนไม่แคร์จะเครียดไปทำไม เมื่อไม่ได้เป็นมือที่สาม อย่างที่ถูกกล่าวหา
สำหรับหลายคนที่เจอสถานการณ์ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมือที่สาม อาจรู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และยังงงๆ อยู่ ซึ่งในเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นมากในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะข้อมูลต่างๆ ในโลกโซเชียลมีเดีย จน “นพ.อภิชาติ จริยาวิลาศ” โฆษกกรมสุขภาพจิต แสดงความเป็นห่วงต้องออกมาแนะนำ โดยขั้นแรกต้องตั้งสติไว้ก่อน อย่าวู่วาม แสดงความโกรธโมโหขึ้นมา เพราะอาจทำร้ายตัวเอง หรือทำร้ายคนอื่นได้
ขั้นตอนต่อมาให้ลองหาข้อมูลถึงที่มาที่ไปที่เกิดขึ้น ไม่ว่าในโลกโซเชียลมีเดีย และคนที่ไว้ใจได้ ต้องใช้สติ อย่าใช้อารมณ์ พยายามหาวิธีพูดคุยกับคนนั้นๆ ให้ได้ หากมั่นใจว่าไม่ได้ทำ หลังมีความชัดเจนในข้อมูลมากขึ้น ก็ค่อยชี้แจงเฉพาะกับคนที่จะรับฟังคำอธิบาย และพูดคุยกันได้ กรณีเจอหน้าพูดคุยก็จะเห็นลักษณะสีหน้าท่าทาง ซึ่งเป็นวิธีที่ดีกว่าการคุยผ่านทางโซเชียลมีเดีย
“แต่ถ้าไม่สามารถเคลียร์กันได้ หรือลำบากใจที่จะพูดคุยกัน ก็ควรหาคนช่วย และในกรณีคนไม่เกี่ยวข้องกับท้องเรื่องมากล่าวว่าร้าย ก็ไม่ควรโต้ตอบ เพราะจะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งหนักขึ้น หากยังคงมีคนพูดไม่หยุด มีการกล่าวร้าย หมิ่นประมาท ก็ควรไปปรึกษาผู้รู้ทางกฎหมายจริงๆ หากไปปรึกษาคนไม่รู้จริง อาจวุ่นวายไปกันใหญ่”
ส่วนผู้ไม่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ อาจเห็นข่าวมีการเสพข่าวในชีวิตประจำวัน ควรเสพข่าวอย่างระมัดระวังอย่างมีสติ เพราะข้อมูลบางอย่างยังไม่มีข้อเท็จจริงว่าคืออะไร อย่าด่วนตัดสินใจไปด่าว่าใคร หากข้อมูลตอนหลังพลิกขึ้นมา อาจไปทำลายคนอื่น กลายเป็นว่าตัวเองไปกระทำคนอื่น เป็นคนบูลลี่คนอื่นเสียเอง ซึ่งไม่ดีในแง่ความรู้สึกและกฎหมาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย จนเสียเงินเสียทองในที่สุด
“อยากฝากไว้กรณีเป็นผู้เสพข่าว จนรู้สึกว่าตัวเองจิตตก ก็ควรหยุดเสพข่าวร้ายๆ ไป หรือหยุดเสพข้อมูลโซเชียล เพราะจะเกิดปัญหาต่อสุขภาพจิตได้ ดังนั้นควรสำรวจตัวเอง หากไม่มั่นใจควรปรึกษาจิตแพทย์ หรือโทรไปสายด่วนสุขภาพจิต 1323“
...
ในกรณีที่หลายคนมารู้ตัวอีกทีว่าเป็นมือที่สาม บางคนอาจถูกหลอกโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นมือที่สาม จากสถานการณ์ที่ผลักดันให้เข้าใจผิด ควรตั้งสติรีบเอาตัวเองออกมาในทันที หรือถ้าไม่รู้เพราะถูกหลอกถูกปิดบังข้อมูล ก็จะเป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกัน
แต่ถ้ารู้แล้วและยังฝืนทำตัวเป็นมือที่สามต่อไป ก็จะกลายเป็นผู้กระทำไปเสียเอง หรือหากเครียด จากการเป็นมือที่สามโดยไม่รู้ตัว ควรไปปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อหาทางออก และในทางกลับกันหากตั้งใจจริงๆ ในการเป็นมือที่สาม ควรเปลี่ยนวิธีคิดของตัวเอง เปลี่ยนวิธีในการใช้ความสัมพันธ์จะดีกว่า.