เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง อ้างว่ามีความเร่งด่วนในการเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ มาเป็น "สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์" มูลค่า 33 ล้านบาท และเป็นไปตามระเบียบของกรมบัญชีกลาง ก่อนจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในปี 2566 นี้ นำไปสู่คำถามราคาแพงเกินไปหรือไม่?
แม้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ออกมาชี้แจงว่าการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานี ต้องรื้อถอนป้ายเดิม ซึ่งมีโครงเหล็กยึดตัวอักษรไว้ด้านหลัง ทำให้ต้องเปลี่ยนผนังกระจกใหม่ที่ต้องสั่งหล่อเป็นพิเศษ เพื่อติดตั้งป้ายตัวอักษรสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บริเวณโดมด้านหน้าของอาคาร ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก รวมถึงติดตั้งตราสัญลักษณ์การรถไฟฯ ด้วยกระเช้าไฟฟ้า จากระดับความสูงจากพื้นดินประมาณ 28 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 9 ชั้น ถือเป็นงานยากและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในมุมมองของ "ชาญณรงค์ แก่นทอง" อุปนายกสภาสถาปนิก ซึ่งจะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ กล่าวว่า รายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างเปลี่ยนป้ายใหม่ในเบื้องต้นทราบมาจากสื่อ โดยยังไม่เห็นรายละเอียดในเอกสารทีโออาร์ว่าเป็นอย่างไรในการหาผู้รับจ้าง เพราะการจัดซื้อจัดจ้างต้องบวกค่าดำเนินงาน ค่ากำไร และค่าภาษีของผู้รับจ้างในราคากลางที่กำหนด แต่ขณะนี้ได้คัดเลือกบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างไปแล้ว
...
“จึงกลายเป็นประเด็นว่า ทำไมเป็นวิธีเฉพาะเจาะจง เลือกบริษัท ยูนิคฯ หรือถ้าเลือกยูนิค อาจจะมีความปลอดภัยในการติดตั้งป้ายใหม่ และการจัดซื้อจัดจ้างในเรื่องของตัวอักษร อาจมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนทั่วไป ทำให้กระบวนการจัดทำจะต้องทำเป็นพิเศษ ต้องใช้วัสดุพิเศษหรือไม่ รวมถึงระยะเวลาหากถูกจำกัดเวลาในการดำเนินงาน ก็มีเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งเวลาการทำงานและกำลังคน นอกจากนี้ในเรื่องความปลอดภัยในการติดตั้ง มีการพิจารณาโครงสร้างเดิมว่าจะสามารถติดตั้งได้หรือไม่ นำไปสู่จะต้องรื้อถอนเท่านั้น”
สุดท้ายแล้วต้องมีค่าประกันความเสียหาย ซึ่งไม่ได้เคาะออกมา และยิ่งงานพิเศษมาก ค่าประกันความเสียหายจะต้องมากขึ้นตามมาด้วย เพราะฉะนั้นมีวิธีเดียวในการตรวจสอบความโปร่งใสในเรื่องนี้จากการพิจารณาต้นทุน และเมื่อยังไม่เห็นทีโออาร์ จะต้องขอเวลาตรวจสอบ แม้ว่าขณะนี้หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าราคาแพงเกินไป เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถคิดได้ เพราะเป็นงานที่ดูด้วยตาได้ง่าย ก็มองว่าไม่ควรมีราคาแพง
สรุปแล้วทุกอย่างอยู่ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอยู่ในทีโออาร์มีการกำหนดไว้ หรือแฝงอะไรไว้ หรือเพื่อประโยชน์ของใคร จากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างว่า ทำไมต้องเร่งดำเนินการขนาดนี้ และมีรูปแบบซับซ้อนจนคนอื่นทำไม่ได้หรือไม่ ซึ่งทุกคนสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เช่น จำเป็นต้องรื้อกระจกหรือไม่
ในเร็วๆ นี้จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบรายละเอียด ร่วมกับวิศวกรรมสถานฯ พร้อมขอดูทีโออาร์ ใบเสนอราคาว่ามีรายละเอียดอย่างไร โดยเน้นการประกันความเสี่ยง ประกันความเสียหายว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ และมีการเสนอจากบริษัท ยูนิคฯ หรือไม่ เพราะตาราง Factor F ในการคำนวณราคากลาง เท่ากับ 20% จะทำให้ต้นทุนอยู่ที่ 27-28 ล้านบาท และที่เหลือเป็นเรื่องกำไร และค่าภาษีของผู้รับจ้าง.