วงโคจรในอวกาศมีดาวเทียมและสถานีอวกาศอยู่จำนวนมาก ขณะนี้กำลังก่อให้เกิดปัญหาขยะพุ่งชนดาวเทียมที่ยังใช้งานอยู่ จนเกิดความเสียหาย ขณะเดียวกันก็มีชิ้นส่วนอวกาศตกมาสู่โลกเกือบทุกวัน โดยเฉพาะในไทยเป็นอีกความเสี่ยง อาจสร้างความเสียหายได้ในอนาคต

เพราะขยะอวกาศมีความน่ากลัว เมื่อตกสู่โลก โดยเฉพาะขยะอวกาศขนาดใหญ่ ทำจากวัสดุที่มีความทนไฟ จะไม่ถูกเผาไหม้จากชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสสร้างความเสียหายได้มาก จากข้อกังวลของ "ดร.สิทธิพร ชาญนำสิน" ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีอวกาศ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” เนื่องจากขยะในอวกาศขณะนี้มีอยู่จำนวนมาก หลายประเทศส่งดาวเทียม และสถานีอวกาศขึ้นไปเพื่อทำภารกิจ เช่นหน่วยงานเอกชนแห่งหนึ่ง ส่งดาวเทียมออกไปกว่า 4 หมื่นดวง ไม่รวมกับบริษัทอื่นทั่วโลกที่หันมาทำธุรกิจอวกาศมากขึ้น

ด้วยความที่วงโคจรในอวกาศมีความเร็วประมาณ 7–8 กิโลเมตร/วินาที ทำให้วัตถุที่โคจรมีแรงปะทะที่รุนแรง ตัวอย่างเช่น นอตเพียงตัวเดียว เมื่อพุ่งชนดาวเทียมในวงโคจร จะทำให้เกิดความเสียหายหนัก
สำหรับขยะที่อยู่ในอวกาศ ขณะนี้จำแนกได้เป็น 2 ประเภทคือ 1. สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เช่น สถานีอวกาศ ดาวเทียม ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก 2. ก้อนหิน ที่มีในวงโคจรธรรมชาติ

...

“ขยะอวกาศที่มีจำนวนมาก มาจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเฉพาะจรวดที่ส่งขึ้นไป บางส่วนตกมายังพื้นโลกเร็ว แต่อีกหลายส่วนตกค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศ โดยระยะเวลาการตกลงมาของจรวดขึ้นอยู่กับความสูงที่ส่งไป หากอยู่ในชั้นบรรยากาศใกล้โลก ไม่กี่ปีจะตกลงมาสู่โลก แต่ถ้าอยู่ในชั้นบรรยากาศที่สูงกว่านั้น จะตกลงมาสู่โลกอีก 100–1,000 ปี”

ขณะนี้มีชิ้นส่วนของขยะอวกาศตกสู่พื้นโลกทุกวัน ถ้าชิ้นส่วนที่ตกมามีขนาดเล็กจะถูกเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศก่อนกลับถึงพื้นโลก แต่ถ้ามีขนาดใหญ่ เช่น สถานีอวกาศ จรวดส่งดาวเทียม ชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่สามารถเผาไหม้ด้วยชั้นบรรยากาศ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย หากตกอยู่ในพื้นที่ชุมชน

ลักษณะขยะอวกาศที่มีความน่ากลัว เมื่อตกสู่โลกคือ ขยะที่มีขนาดใหญ่ ทำจากวัสดุที่มีความทนไฟ ไม่ถูกเผาไหม้จากชั้นบรรยากาศ ทำให้มีโอกาสสร้างความเสียหายได้มาก เมื่อตกลงมาสู่โลกจะสร้างความเสียหายได้มากกว่า โดยเฉพาะวัสดุที่มีความหนักตั้งแต่ 20 ตันขึ้นไป หรือวัสดุจากจรวดนำส่ง

ที่ผ่านมามีความกังวลว่า วัตถุจากอวกาศที่ตกมาสู่โลกจะมีเชื้อเพลิงที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ซึ่งเคยมีกรณีที่ถังเชื้อเพลิงบรรจุพลังงานนิวเคลียร์ หล่นลงมาสู่ผิวโลก โดยความอันตราย เกิดจากถังเชื้อเพลิงระเบิดก่อนถึงโลก ทำให้มีรังสีกระจายตกค้างอยู่ในบ้านเรือนของผู้คน มีผลกระทบตามมาต่อมนุษย์

“ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่วัตถุจากอวกาศจะตกใส่ ทางหน่วยงานมีการเฝ้าระวังอยู่ตลอด หากมีวัตถุที่จะตกลงมา จะมีการแจ้งไปยังหน่วยงานท้องถิ่นให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เพราะถ้ายิงทำลายวัตถุระหว่างกำลังจะตกลงมา ยิ่งเพิ่มให้เศษซากมีจำนวนมากขึ้น และก่อให้เกิดความเสียหายหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว”

ผลกระทบของขยะอวกาศที่มีมาก ส่งผลต่อมนุษย์ในการใช้งานดาวเทียม เช่น สัญญาณทีวี อินเทอร์เน็ต จีพีเอส สัญญาณโทรศัพท์ ดังนั้นหากดาวเทียมชนกับขยะอวกาศ ทำให้ดาวเทียมที่กำลังใช้งาน ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์

บางประเทศพยายามแก้ปัญหาขยะอวกาศด้วยการผลักดันให้ไปสู่วงโคจรที่สูงขึ้น เมื่อไม่มีการใช้งานแล้ว ขณะที่สหรัฐอเมริกา เริ่มออกกฎข้อบังคับภายในประเทศว่า หากดาวเทียมที่ไม่ใช้งานแล้ว ต้องนำกลับสู่โลกภายใน 5 ปี เพื่อลดปริมาณขยะอวกาศ

ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุชิ้นส่วนอวกาศตกสู่บ้านเรือนคน ทำให้มีความสูญเสียจำนวนมาก ดังนั้น ประเทศผู้เป็นเจ้าของชิ้นส่วนจะต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามกฎสากลที่ได้ถูกวางไว้แล้ว.