วันที่ 7 ของการค้นหาผู้สูญหาย เหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ล่าสุดกองทัพเรือ ใช้ระบบโซนาร์บันทึกภาพใต้น้ำพบสภาพเรือจอดนิ่งแนวราบสภาพสมบูรณ์ตั้งตระหง่าน แม้มีคลื่นลมแรง แต่เรือไม่ได้ลาดเอียงเหมือนตอนอับปาง ทำให้เกิดข้อสงสัยถึงความเสียหาย และสาเหตุที่เรือยังอยู่ในสภาพปกติ ถึงจะจมอยู่ใต้ทะเลลึก 40 เมตร
442 เป็นหมายเลขเรือหลวงสุโขทัย เรือมีความยาว 76.8 เมตร กว้าง 9.6 เมตร โดยเรือหลวงบางระจัน นำยานสำรวจใต้น้ำ (Sea Fox) ลงไปที่จุดอับปางจากพายุ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2565 ในความลึก 40 เมตร ใช้ระบบโซนาร์ บันทึกภาพเรือหลวงสุโขทัย ใต้ท้องทะเล พบว่าเรือยังตั้งตรงในแนวราบ เหมือนแล่นอยู่บนผิวน้ำ สร้างความแปลกใจ มีการตั้งข้อสังเกตถึงผู้สูญหาย ที่อาจติดอยู่ในซากเรือ ทั้งนี้ รายงานล่าสุด วันนี้ (25 ธ.ค.65) เวลา 14.00 น. พบร่างเพิ่มจำนวน 2 นาย ทำให้การค้นหากำลังพลขณะนี้ พบผู้รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 17 นาย และยังค้นหาผู้สูญหายอยู่อีก 12 นาย
ภาพจากระบบโซนาร์ แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะเรือหลวงสุโขทัย แม้อับปางอยู่ใต้ทะเล แต่ระบบป้องกันภัยบางส่วนยังทำงานปกติ ตามความเห็นของ “รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิเคราะห์ว่าก่อนเรืออับปางมีการให้ข้อมูลถึงน้ำทะเลที่ท่วมเข้าไปห้องเครื่องเรือ ทำให้เรือเอียง 60 องศา จากนั้นมีการประกาศสละเรือ และให้กำลังพลขึ้นไปบนดาดฟ้า โดยทิศทางขณะเรืออับปางเริ่มจากส่วนท้ายเรือที่มีน้ำหนักมาก ไล่ไปจนถึงส่วนกลางเรือและหัวเรือ
...
ช่วงเวลาการอับปางของเรือหลวงสุโขทัย เป็นไปตามหลักกลศาสตร์ เมื่อน้ำทะเลท่วมเข้ามาในเรือจะไหลไปรวมกันในพื้นที่ต่ำบริเวณท้ายเรือ ที่มีน้ำหนักมากกว่าส่วนอื่น ทำให้เรือจมลงลักษณะแนวดิ่ง เมื่อลงมาอยู่ในความลึกระดับ 40 เมตร น้ำไม่สามารถเข้ามาในระบบกักเก็บน้ำของเรือได้ทั้งหมด แต่มีบางส่วนถูกปิดกั้น ทำให้มีอากาศในช่องนั้น เมื่อเรือจม ห้องที่มีอากาศจะช่วยพยุงเรือให้ลอยขึ้นมา จนลักษณะเหมือนแล่นอยู่บนผิวน้ำปกติ
“เรือรบมีการแบ่งพื้นที่ห้องใต้ท้องเรือเรียกว่า คอมพาร์ตเมนต์ (compartment) ให้สามารถปิดกั้นน้ำทะเลที่ท่วมเข้ามาในเรือ เพื่อพยุงเรือให้อยู่ในลักษณะปกติ จากข้อสันนิษฐานคาดว่าเรือหลวงสุโขทัย คอมพาร์ตเมนต์ ที่ยังทำงานได้ปกติอยู่บริเวณส่วนหัวเรือ เลยทำให้เรือยังตั้งอยู่ในสภาพปกติ แม้จะอับปางกลางคลื่นลมทะเล”
อีกข้อสันนิษฐาน คาดว่าลักษณะการจมของเรือหลวงสุโขทัย เหมือนกับการปักไม้ลงในน้ำตามแนวดิ่ง จากนั้นส่วนกลางและหัวเรือค่อยๆ จมลงตามแนวราบ ทำให้เรือไม่เอียงหรือคว่ำ ในลักษณะที่สูญเสียการทรงตัว อีกปัจจัยสำคัญคือ เมื่ออับปางในระดับความลึก 40 เมตร จะมีคลื่นที่มารบกวนให้ตัวเรือพลิกคว่ำได้น้อย
กู้เรือหลวงสุโขทัย หาหลักฐานสำคัญทางคดี
นอกจากการค้นหาผู้สูญหายที่เหลือแล้ว “รศ.นพ.วีระศักดิ์” กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ถึงแนวทางการกู้เรือหลวงสุโขทัย ขึ้นมาตรวจสอบหาสาเหตุการอับปาง โดยต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ที่มีความรู้เพื่อป้องกันความเสียหายของหลักฐานบนเรือ เนื่องจากเรือยังเป็นของกลาง ที่ต้องตรวจสอบว่ามีระบบไหนเสียหาย และเป็นสาเหตุสำคัญของการอับปาง ดังนั้น กองทัพเรือต้องนำเรือขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ชี้แจงให้ประชาชนทราบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก
“การกู้เรือขึ้นมาเป็นหัวใจสำคัญ ต้องทำโดยระมัดระวัง ไม่ให้สูญเสียหลักฐานทางคดี เพราะการเก็บหลักฐานบางอย่างต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ การนำเรือขึ้นมาจะทำให้ตรวจสอบได้สะดวก ประกอบกับเครื่องมือการเก็บหลักฐานบางอย่างไม่สามารถนำลงไปเก็บในใต้ทะเลได้”
สำหรับการเก็บวัตถุพยานส่วนที่สำคัญ จะต้องตรวจสอบให้พบรอยรั่วหรือสาเหตุที่น้ำทะเลเข้ามาในเรือให้ชัดเจน เช่นเดียวกับการตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์เรือ ว่ามีความเสียหายรุนแรงถึงขนาดเครื่องยนต์เรือไม่สามารถทำงานได้หรือไม่
ขณะนี้ประชาชนบางส่วนมีความสงสัยว่า อาจมีกำลังพลบางส่วนติดอยู่ในซากเรือ ซึ่งทางวิทยาศาสตร์อาจเป็นไปได้ เพราะขณะเรือกำลังอับปางไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ตัวเรือจะมีน้ำหนักที่มาก ทำให้เกิดน้ำวน จนดูดคนที่กำลังลอยคออยู่ในรัศมีใกล้เคียงเข้าไปในเรือที่กำลังอับปาง.