23 วัน แห่งความผูกพันก่อนลูกช้างป่าพลัดหลงจะสิ้นลม ช่วงเช้าวันที่ 21 ธ.ค. 65 แม้ทีมแพทย์พยายามยื้อชีวิต แต่ภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากภูมิต้านทานลูกช้าง ที่ได้จากนมแม่มีต่ำ ทำให้อาการทรุดลง จนสิ้นลมในที่สุด

“ที่ผ่านมาน้องพยายามต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอด ถึงเป็นลูกช้างป่าพลัดหลง แต่เชื่อฟัง ไม่ดื้อ พยายามลุกนั่งเอง แต่น้องทำไม่ได้ ตอนนี้ทีมแพทย์ทุกคนยังคิดถึง เสียดายที่ไม่สามารถช่วยน้องธันวาได้” “หมอปาล์มมี่” สัตวแพทยณฐนน ปานเพ็ชร นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก เปิดใจถึงการรักษา

“หมอปาล์มมี่” เล่าถึงการช่วยเหลือลูกช้างเพศเมีย พลัดหลงจากแม่ มีแผลทั่วตัว ร่างกายอ่อนแรง กลางป่าลึก พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ครั้งแรกที่เจอกันในป่า น้องเป็นช้างที่อุปนิสัยดี เวลาหมอทำแผลหรือช่วยเหลือให้ร่างกายดีขึ้น น้องจะคอยส่งเสียงและเชื่อฟังตามคำสั่ง สิ่งนี้ทำให้ทีมแพทย์ตัดสินใจขอเฮลิคอปเตอร์ เพื่อลำเลียงนำออกไปรักษา ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี

...

แม้ระยะแรกร่างกายลูกช้างจะดีขึ้น สามารถทานอาหารที่ทีมแทพย์ป้อนได้ แต่ร่างกายยังอ่อนแอ เสี่ยงมีภาวะแทรกซ้อนเช่น โรคไตวาย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพลัดเวรเฝ้าดูตลอด 24 ชั่วโมง เพราะทุกคนมีความหวังว่าน้องจะหาย กลับมาแข็งแรงเดินเองได้อีกครั้ง

“ตลอดการรักษาน้องพยายามสู้มาตลอด ทำให้ทีมแพทย์ค่อนข้างมีกำลังใจ หลายครั้งน้องพยายามฝืนลุกนั่งเอง แต่ไม่สามารถทำได้ จนทีมงานต้องเข้าไปประคองให้น้องออกไปเดินในสนามหญ้า หรือบางครั้งระหว่างการฉีดยา ก่อนทำการฉีด น้องจะส่งเสียงร้อง แต่เมื่อแทงเข็มเข้าไปน้องจะนิ่งไม่ขัดขืน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ให้ความร่วมมือในการรักษาอย่างดีมาตลอด”

ด้วยความที่ธันวาเป็นลูกช้างที่ต้องการความอบอุ่น ช่วงแรกการรักษาน้องชอบให้เกาตัว หรือกอดก่อนนอน เลยทำให้ทีมงานต้องคอยพลัดเวรกล่อมน้อง จนกว่าจะหลับ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนที่ดูแลธันวา มีความผูกพัน ซึ่งช่วงที่ลูกช้างร่างกายฟื้นตัวจะเล่นกับทีมงานเหมือนลูกช้างทั่วไป

แต่สิ่งที่ทีมแพทย์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออาการลูกช้างทรุด มีภาวะท้องเสีย อ่อนแรง ไม่ทานอาหาร ทีมแพทย์พยายามยื้อชีวิตมาหลายครั้ง จนประมาณ 08.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. 65 น้องไม่ตอบสนองต่อการรักษา ทีมสัตวแพทย์ทำการกู้ชีพ แต่ไม่มีการตอบสนองของสัญญาณชีพ และเสียชีวิตลง เมื่อเวลา 08.24 น.

“ช่วงเวลาที่ช่วยชีวิตน้อง หมอพยายามกระตุ้นให้มีสัญญาณชีพอยู่หลายครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ร่างกายไม่ตอบสนอง ทีมแพทย์บางส่วนเริ่มทำใจ เสียดายที่ไม่สามารถรักษาน้องได้สำเร็จ แต่ทุกคนก็หันมาปลอบใจกันว่า ได้ทำการรักษาอย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งประสบการณ์จากการรักษาน้อง ถือเป็นองค์ความรู้ที่มีค่า ทีมแพทย์สามารถนำไปใช้ในการรักษากับสัตว์ป่าชนิดอื่นได้”

เบื้องต้นจะมีการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต คาดว่าจะรู้ผลอีก 1-2 สัปดาห์ จากนั้นทางผู้ใหญ่จะมีการประชุมเกี่ยวกับร่างของลูกช้างอีกครั้ง

“ต้องขอขอบคุณประชาชนที่ติดตามข่าวการรักษาตั้งแต่เริ่มนำน้องออกจากป่า ถึงวันนี้น้องจากไปแล้ว แต่กำลังใจและสิ่งของที่ทุกคนมอบให้ เป็นสิ่งที่ทำให้มีพลังในการทำงาน จึงอยากให้กรณีธันวา เป็นตัวอย่างที่ทำให้คนทั่วไป หันมาดูแลผืนป่าและธรรมชาติมากขึ้น”.


ขอบคุณภาพจาก เพจกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช