“ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ยังเกาะติดประเด็นสวัสดิภาพของ พลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างที่ไทยมอบให้ศรีลังกา เมื่อปี 2544 แต่กลับได้รับการดูแลไม่เหมาะสม ถูกล่ามโซ่ทั้งขาหน้า-ขาหลัง และนำไปเดินแห่หารายได้ให้กับวัด จนขาหน้างอไม่ได้ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้แจงถึงแนวทางและโอกาสในการนำกลับมารักษาที่ไทย ต้องรอการประเมินร่วมกับศรีลังกา
ล่าสุดมีรายงานจากควาญช้างที่ดูแลว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ มีอาการตกมันตามธรรมชาติแล้ว ทำให้การขนส่งเพื่อนำมารักษาที่ไทยทำได้ลำบาก จึงต้องรอให้หายตกมัน คาดว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2566
หลังการเปิดประเด็นนี้ ทางทีมข่าวได้ประสานกับหน่วยงานเกี่ยวข้องถึงความชัดเจน ในการดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์ เพื่อให้มีสวัสดิภาพสัตว์เหมาะสม ล่าสุด “จตุพร บุรุษพัฒน์” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ข้อมูลกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า ขณะนี้ได้ส่งทีมสัตวแพทย์ไปตรวจดูร่างกาย และอาการป่วยของช้างเชือกดังกล่าวที่ประเทศศรีลังกา เป็นรอบที่ 2 แล้ว
ช้างเชือกนี้รัฐบาลไทยในอดีตส่งมอบให้กับศรีลังกา และมีการร้องเรียนจากหน่วยงานด้านสวัสดิภาพสัตว์ของประเทศศรีลังกา โดยประสานกับสถานทูตไทย มายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ส่งทีมทีมสัตวแพทย์เข้าไปดูแลในรอบแรก ซึ่งมีการประเมินพบว่า ช้างมีสภาพร่างกายทรุดโทรม
ด้วยเหตุนี้จึงประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ทางการศรีลังกาพิจารณาใน 3 เรื่อง คือ 1.ขอให้ปรับพื้นที่ในการเลี้ยงช้าง ภายในวัดดังกล่าวให้เหมาะสม 2.ถ้าปรับเปลี่ยนสถานที่ไม่ได้ ให้เคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ ไปยังพื้นที่เลี้ยงเหมาะสม 3.หากบุคลากรทางการแพทย์ศรีลังกาไม่เพียงพอ ก็ขอนำช้างนำกลับมารักษาที่ไทย
...
ภายหลังเสนอแนวทางการช่วยเหลือ 3 ข้อ ได้ส่งทีมสัตวแพทย์ไปยังศรีลังกาอีกครั้ง เพื่อประเมินสุขภาพ ความเป็นอยู่ โดยภาครัฐศรีลังกา ได้เคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์ ไปดูแลในสวนสัตว์เมืองโคลัมโบ แต่การนำกลับมารักษาที่ไทย ต้องมีกระบวนการร่วมกันของทั้งสองประเทศในการขนส่งช้างกลับมารักษา เพื่อให้มีผลกระทบต่อสุขภาพช้างน้อยที่สุด
“จากการประเมินของทีมแพทย์พบว่าด้วยอายุช้างที่มาก และผ่านการใช้งานในขบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุมาอย่างหนัก ทำให้สุขภาพทรุดโทรม รวมถึงสุขภาพจิตของช้างที่ขณะนี้กระทรวงฯ ได้ส่งควาญช้างไทยให้ไปดูแล เพื่อสร้างความคุ้นเคย เพราะควาญไทยที่เคยดูแลเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นหากมีการส่งกลับมารักษาที่ไทย การมีควาญช้างคุ้นเคยจะทำให้ช้างไม่เกิดความเครียด”
ขณะเดียวกัน ทีมสัตวแพทย์ที่เดินทางไปรอบล่าสุด ได้นำยาในการรักษาตามอาการไปที่ศรีลังกาด้วย เนื่องจากอุปกรณ์การรักษาขาดแคลน หากรักษาแล้วไม่ดีขึ้นจะต้องปรึกษา เพื่อขอส่งตัวกลับมารักษาที่ไทย เพราะอุปกรณ์เอกซเรย์ช้าง ในศรีลังกา ยังขาดแคลน
การนำช้างกลับมารักษาที่ไทย ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลของศรีลังกา การส่งตัวมารักษา เมื่อหายแล้วต้องส่งช้างกลับคืนให้ศรีลังกา หรือตามความประสงค์ของรัฐบาลศรีลังกา เบื้องต้นกระทรวงฯ ได้ส่งควาญช้างไทยไปช่วยดูแล และมีการส่งทีมสัตวแพทย์ เดินทางไปดูแลเป็นรายกรณีต่อไป
หากมีการประสานเพื่อส่งพลายศักดิ์สุรินทร์ กลับมารักษาที่ไทย ทางกระทรวงฯ ได้เตรียมพร้อมในการนำกลับ โดยเครื่องบิน C130 และเตรียมสถานที่รักษาไว้ในสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งขณะนี้มีช้างอยู่ในความดูแลกว่า 100 เชือก
“การช่วยเหลือช้างไทยในศรีลังกา กระบวนการต่างๆ ต้องมีขั้นตอนทางระเบียบและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยืนยันว่ากระทรวงทรัพยากรฯ ได้หารือกับกระทรวงต่างประเทศ และทำการช่วยเหลือด้านการแพทย์แล้ว แต่การส่งกลับมารักษาที่ไทย ต้องอยู่ที่การร้องขอของศรีลังกา” ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปทิ้งท้าย
ทั้งนี้ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ยังคงติดตามรายงานอาการป่วยของพลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยในศรีลังกา อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานให้เกิดความช่วยเหลืออย่างเหมาะสมต่อไป.