กลายเป็นรักขมสะเทือนวงการตำรวจ เมื่อแม่ค้าวัย 43 ปี ใน จ.นครสวรรค์ เข้าแจ้งความกรณี ชายวัย 27 ปี อ้างเป็นตำรวจยศพันตำรวจตรี สังกัดตำรวจนครบาล จนหญิงสาวหลงเชื่อคบหาตั้งท้อง ฝ่ายชายกลับให้ไปทำแท้ง ทำให้ฝ่ายหญิงเริ่มตรวจสอบพบว่า มียศเพียงสิบตำรวจตรี และแจ้งต่อผู้บังคับบัญชา แต่มีการอ้างว่าถูกทำโทษโดยการธำรงวินัย

กรณีนี้กลายเป็นรักเศร้า ที่ฝ่ายหญิงพยายามหาทางออกหลังคบหาฝ่ายชายมากว่า 9 เดือน โดยทั้งคู่พบกันในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ฝ่ายชายอ้างว่ามาสืบงานราชการ และอ้างว่าตนเป็นตำรวจชั้นสารวัตร โดยมีการปลอมแปลงชุดทางราชการ และบัตรประจำตัวปลอม ทำให้ฝ่ายหญิงหลงเชื่อ

เรื่องราวทั้งหมด กลับไม่เป็นดังหวัง เมื่อฝ่ายหญิงบอกกับฝ่ายชายถึงการตั้งท้อง แต่ชายที่อ้างเป็นนายตำรวจกลับให้เงินเธอไปทำแท้ง โดยเสนอเงินให้อีก 5 หมื่นบาท เพื่อยุติสัมพันธ์ทั้งหมด ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอต้องหาเงินมาให้ฝ่ายชายที่รบเร้า จนต้องนำรถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์ นำเงินมาให้ตามต้องการ

เธอได้ตรวจสอบพบว่า นายตำรวจดังกล่าว มีชั้นยศเพียงสิบตำรวจตรี จึงนำเอกสารทั้งภาพถ่าย บัตรประจำตัวปลอม และหลักฐานการขอเงิน ยื่นร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาฝ่ายชาย แต่สุดท้ายเธออ้างว่า มีการลงโทษเพียงธำรงวินัย และยื่นข้อเสนอด้วยเงินก้อนหนึ่ง ให้ปิดฉากความสัมพันธ์ โดยไม่มีความชัดเจน ถึงความรับผิดชอบเด็กในท้อง ที่ใกล้จะคลอด

เมื่อเรื่องราวเริ่มอื้อฉาว พบว่ามีหญิงอีกราย ถูกหลอกลักษณะเดียวกัน โดยฝ่ายชายอ้างตำแหน่งงาน และรบเร้าขอเงินจากฝ่ายหญิง ซึ่งยังต้องติดตามความคืบหน้าว่าจะมีผู้เสียหายเพิ่มอีกหรือไม่ และท่าทีของหน่วยงานต้นสังกัด ถึงความชัดเจนในการตรวจสอบความผิด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

...

"รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล" ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงประเด็นการตรวจสอบ ลงโทษทางวินัยว่า กรณีการปลอมแปลงชั้นยศมีความผิดด้านวินัยข้าราชการตำรวจ และมีความผิดทางอาญา ที่ว่าด้วยผู้ใดไม่มีสิทธิในการสวมเครื่องแบบของเจ้าพนักงาน มีโทษถึงจำคุก

ขณะเดียวกันต้องมีการประเมิน หากมีความผิดจริงในฐานความผิดนำเครื่องแบบปลอมไปฉ้อโกงหลอกลวง ขณะเดียวกันถ้ามีการตรวจสอบพบว่า มีการปลอมแปลงบัตรข้าราชการเป็นยศพันตำรวจตรี อาจมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ

แม้เป็นตำรวจจริง แต่ต้องแสดงชั้นยศไม่เกินความเป็นจริง หากมีการหลอกลวง มีความผิดทั้งทางกฎหมายและทางวินัย ดังนั้น ผู้บังคับบัญชาต้องมีการตรวจสอบ และดูพฤติกรรมของการกระทำผิด เพื่อพิจารณาโทษที่เหมาะสม กรณีนี้ต้องมีการตรวจสอบว่าฝ่ายหญิงไปแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาในระดับไหน การลงโทษของผู้บังคับบัญชามีความเหมาะสมกับความเป็นจริง นอกเหนือจากการธำรงวินัยหรือไม่

“กรณีการลงโทษในระบบราชการ ผู้บังคับบัญชาควรมีการลงโทษอย่างเป็นธรรม โดยให้ผู้ใต้บังคับบัญชารู้สึกว่าตัวเองทำผิด และผู้อื่นจะได้ไม่กระทำผิดตาม ไม่ใช่ช่วยเหลือกัน เพื่อให้พ้นความผิด จนสุดท้ายไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และเป็นที่เสื่อมเสียต่อหน่วยงาน”

การลงโทษด้วยการธำรงวินัยมีหลายแบบ เช่น สั่งคุมขังไว้ในเรือนนอน โดยมีโปรแกรมการออกกำลังกาย ซึ่งต้องวิ่งวันละ 3 – 4 กิโลเมตร และทบทวนระเบียบวินัย โดยมีการกำหนดระยะเวลาตามความเหมาะสม

สำหรับบุคคลทั่วไป ไม่ควรหลงเชื่อผู้ที่มีการอ้างว่าเป็นข้าราชการระดับสูงในทันที โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมเรี่ยไรเงิน ขณะเดียวกันถ้าไม่แน่ใจควรตรวจสอบกับหน่วยงานต้นสังกัด หรือผู้ที่ผ่านโรงเรียนนายร้อยฯ สามารถตรวจสอบชื่อนามสกุลได้ทันที เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ.