กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกออนไลน์ หลังคณะอนุกรรมการชุมชนมีมติจัดระเบียบมัคคุเทศก์น้อยทำกิจกรรมบนสะพานมอญสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี หลังพบเด็กกว่า 60 คน มีปัญหาไม่ยอมไปเรียน และพบมาเฟียเด็กต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมืองมาแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งบางรายถูกหลอกมาค้ามนุษย์ถึงกรุงเทพฯ
“วิจารณ์ กุลชนะรัตน์” นายกเทศมนตรีตำบลวังกะ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า หลังมีการประชุมกันของคณะอนุกรรมการชุมชน มีมติให้จัดระเบียบเยาวชนที่มาทำกิจกรรมบนสะพานมอญ ซึ่งเบื้องต้นเริ่มทำความเข้าใจกับผู้ปกครองเด็กในวันที่ 1 พ.ย.นี้ และเตรียมจัดระเบียบเด็กที่จะขึ้นมาทำกิจกรรมบนสะพาน เนื่องจากขณะนี้เด็กหลายคนไม่ยอมไปโรงเรียน โดยครอบครัวก็เห็นด้วยเพราะมีรายได้จากการทำกิจกรรม นอกจากนี้ยังพบกลุ่มมาเฟียเด็กชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมืองมีการตั้งกลุ่มเพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากเด็กที่อ่อนแอกว่า
จากการสำรวจพบเด็กที่ทำกิจกรรมบนสะพานประมาณ 60 คน มีอายุตั้งแต่ 4-10 ขวบ โดยเด็ก 1 คน จะมีรายได้ประมาณ 200-1,000 บาทต่อวัน จึงทำให้พ่อแม่บางรายไม่ยอมทำมาหากิน และไม่ให้ลูกไปโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาทางชุมชนพบพฤติกรรมของพ่อแม่จะปล่อยให้ลูกมาทำกิจกรรมบนสะพาน โดยตัวเองอยู่ห่างๆ เพื่อคอยเก็บเงินจากลูก แต่มีบางวันเด็กไม่ยอมมาทำงานบนสะพานก็จะถูกผู้ปกครองตี หรือทำโทษด้วยการทรมาน จนส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจเด็ก
...
“ส่วนกลุ่มมาเฟียเด็กบนสะพาน จะมีพฤติกรรมจับกลุ่มและเรียกรับเงินจากเด็กที่อ่อนแอกว่า โดยเด็กที่เป็นเหยื่อบางคนเป็นต่างด้าวและหลบหนีเข้าเมืองมา สิ่งนี้เป็นพฤติกรรมที่เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องกวาดล้างต่อจากนี้ เพราะจะเกี่ยวโยงกับการค้ามนุษย์ เนื่องจากมีเด็กรายหนึ่งที่เคยทำกิจกรรมบนสะพานและเป็นเด็กต่างด้าว ถูกนักท่องเที่ยวหลอกให้ไปทำงานที่กรุงเทพฯ จนเจ้าหน้าที่รัฐกวาดจับและพบว่าเด็กคนนี้ถูกหลอกมาเป็นขอทานบนสะพานลอยที่กรุงเทพฯ”
การจัดระเบียบเด็กที่จะมาทำกิจกรรมต่อจากนี้จะต้องมีการกำหนดเวลาที่จะมาทำในช่วงที่ไม่ตรงกับชั่วโมงเรียน รวมถึงจำกัดอายุของเด็กเพื่อสวัสดิภาพ ส่วนเด็กที่ยังไม่มีสัญชาติไทย ทางภาครัฐจะเข้าไปตรวจสอบว่าเด็กมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จริงหรือไม่ ขณะที่เด็กต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองจะต้องมีการควบคุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะเดียวกันจะมีการจัดระเบียบพื้นที่การทำกิจกรรมของเด็กให้อยู่บริเวณจุดชมวิวและท่าเรือ ก่อนนักท่องเที่ยวจะลงเรือไปเที่ยวต่อ เพื่อให้เด็กมีความปลอดภัย และไม่เกิดอุบัติเหตุเหมือนอย่างที่ผ่านมา
“ขณะนี้หน่วยงานในพื้นที่เห็นถึงปัญหาสังคมในระยะยาว เพราะเด็กส่วนใหญ่เริ่มประสบปัญหาไม่ไปโรงเรียน ขณะที่ผู้ปกครองก็เห็นดีเห็นงาม ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในพื้นที่ได้ในระยะยาว จึงอยากเรียนทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เพราะบางอย่างไม่ได้สวยงามอย่างที่ท่านคิด และอยากให้นักท่องเที่ยวสนับสนุนกลุ่มคนที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด”.