กลายเป็นดาวติ๊กต่อกเพียงข้ามคืน เมื่อมีคนโพสต์วิดีโอหญิงรายหนึ่งที่เป็นคนเร่ร่อน สร้างความบันเทิงด้วยการร้องเพลงพร้อมกับตีถัง เพื่อแลกกับเงินจากผู้ฟัง โดยเธอตระเวนสร้างความสุขให้กับนักท่องเที่ยวบริเวณหาดแสงจันทร์ จ.ระยอง จนได้รับขนานนามและติดแฮชแท็ก #ตัวตึงระยอง แต่ล่าสุดมีคนในพื้นที่ออกมาระบุว่า เธอเป็นบุคคลอันตราย เนื่องจากที่ผ่านมาเคยทำร้ายคนที่ไม่ให้เงิน โดยการใช้ไม้ตี นำหินมาทุบรถ และเคยใช้มีดข่มขู่หญิงรายหนึ่ง

ที่ผ่านมา เธอเคยถูกนำตัวไปรักษาอาการจิตเวชมาแล้ว แต่สุดท้ายยังกลับมาเร่ร่อน ซึ่งคนบนโลกออนไลน์ต่างตั้งข้อสังเกตถึงอาการป่วยทางจิตของเธอ “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบบริเวณหาดแสงจันทร์ จ.ระยอง ระบุว่า ที่ผ่านมาหญิงคนดังกล่าวเคยมีพฤติกรรมรุนแรง ได้นำส่งเพื่อไปรักษาเมื่อ 2 ปีก่อน แต่จากนั้นก็กลับมาเร่ร่อนอีก โดยขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเหตุถึงพฤติกรรมรุนแรงของหญิงรายนี้อีก

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เพื่อนำตัวหญิงเร่ร่อนคนดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการรักษาด้านจิตเวช ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตามหาตัวหญิงรายดังกล่าวในพื้นที่

...

ผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน กระบวนการดูแลที่เข้าไม่ถึงปัญหา

“สิทธิพล ชูประจง” หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า กรณีหญิงรายนี้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต โด่งดังในโลกออนไลน์ จนได้รับฉายา #ตัวตึงระยอง มีลักษณะเป็นผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน ส่วนใหญ่ทางบ้านมีฐานะยากจน ไม่มีผู้ดูแล ทำให้ต้องเร่ร่อนเพื่อขอเงิน ขณะเดียวกัน บางรายมีพฤติกรรมรุนแรงทำร้ายผู้อื่น จนเจ้าหน้าที่ต้องควบคุมตัว และส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล

“ผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว ต่างจากคนเร่ร่อนทั่วไปที่มักอยู่กันเป็นกลุ่ม เลยทำให้ผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนมักตกเป็นเหยื่อของการทำร้ายร่างกายของผู้ไม่หวังดี นอกจากนี้ ด้วยความที่ผู้ป่วยมีปัญหาทางจิต ทำให้มีปัญหาด้านสุขอนามัย ทำให้เกิดโรคร้ายลุกลาม และเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาแล้วหลายราย”

สำหรับแนวทางการป้องกันและช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน ขณะนี้ยังมีปัญหา เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่ จะนำตัวเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อเมื่อ ผู้ป่วยคนนั้นไปก่อเหตุสร้างความรุนแรงให้กับประชาชนในท้องที่ แต่จะไม่นำส่งหน่วยงานที่ดูแลรักษาทันที่เมื่อพบเห็น ทำให้ผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนมีเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันหลายคนก็ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ กระบวนการรักษาผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนยังไม่เพียงพอในการดูแล เนื่องจากขณะนี้มีผู้ป่วยจิตเวชที่เกิดจากการใช้สารเสพติดจำนวนมาก ทำให้สถานพยาบาลที่ดูแลมีไม่เพียงพอ เพราะกระบวนการดูแลผู้ป่วยหลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว หากแพทย์ประเมินว่าคนไข้รายนั้นเป็นผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และไม่มีครอบครัวดูแล จะต้องนำส่งไปยังสถานสงเคราะห์ที่มีอยู่ไม่กี่แห่ง เลยทำให้มีผู้ป่วยจิตเวชหลุดออกจากระบบการดูแลจำนวนมาก เนื่องจากสถานสงเคราะห์ที่ดูแลมีไม่เพียงพอ ซึ่งสุดท้ายคนไข้จะกลับไปเป็นคนเร่ร่อนแบบเดิม

สำหรับแนวทางแก้ปัญหา หน่วยงานรัฐต้องดูแลผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อนให้ทั่วถึงมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาโรงพยาบาลหลายแห่งไม่มีแผนกผู้ป่วยจิตเวชที่ดูแลคนไข้อาการหนัก ทำให้ต้องทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทางขนาดใหญ่ ที่มีไม่กี่แห่งในประเทศ จึงทำให้แพทย์ในหน่วยงานนั้นต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น และส่งผลต่อผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จนสุดท้ายคนไข้กลับไปเร่ร่อน และสร้างปัญหาเหมือนเดิมอีก.