กลายเป็นดราม่าร้อนโต้กันไปมาบนโลกโซเชียลไปแล้ว ระหว่างฝ่ายหนุนและฝ่ายต้านรัฐบาล "ลุงตู่" เมื่อทอล์กโชว์เดี่ยว 13 ของโน้ต อุดม แต้พานิช เพิ่งเปิดการแสดงไปเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเพราะสถานการณ์โควิด ได้เผยแพร่ทางช่อง Netflix ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. เป็นต้นไป จากความฮาด้วยการเล่าเรื่องสอดแทรกเหตุการณ์ต่างๆ และสถานการณ์บ้านเมืองตามสไตล์โน้ต อุดม อย่างสนุกสนานสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชม กลับสร้างความไม่ปลื้มให้กับคนอีกกลุ่ม

ทั้งที่การแสดงเดี่ยวไมโครโฟนของโน้ต อุดม เป็นปกติอยู่แล้วในการปล่อยมุกจิกกัดแขวะแบบขำๆ อย่างตรงไปตรงมา สะท้อนให้เห็นหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยในเวลานั้น เรียกเสียงฮาจากคนดู จนมาถึงเดี่ยว 13 มีการจัดหนักวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของลุงตู่ ผู้นำประเทศของพวกเราคนไทยอย่างเมามัน มีการเปรียบเทียบกับชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.อีกด้วยว่า “เลือกชัชชาติก็ได้แค่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่ถ้าเลือกลุงตู่จะได้ ทำใจ ทำใจ ทำใจ” และเปรียบลุงตู่เป็น รปภ.ขับเครื่องบินไม่เป็น แต่มาขับเครื่องบินให้กับประเทศของเรา จนมีทั้งฝ่ายชอบและไม่พอใจ

...

หรือยุคนี้การทอล์กโชว์ในเมืองไทย จะถูกปิดกั้นไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ใครต่อใครในบ้านเมืองอีกต่อไปแล้วหรือ? ท่ามกลางการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของผู้มีแนวความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันในสังคมไทย “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก มองดราม่าร้อนที่เกิดขึ้นว่า เมื่อใครเป็นผู้นำประเทศต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว คงไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายค้าน และถ้าผู้นำรัฐบาลมีการแสดงออกในเชิงการสื่อสารที่บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนก็จะถูกล้อเลียน

อีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่มา 8 ปี ซึ่งนานมาก และตั้งแต่ตอนนั้นมีการแสดงออกที่หลุดมาก จนทำให้โน้ต อุดม มีวัตถุดิบเป็นจำนวนมากมาทำเป็นมีม( meme) สร้างเรื่องตลก เรื่องขำ เรื่องเสียดสี เป็นแนวโพลิติคอล คอมเมดี้ส (political comedies) อย่างในต่างประเทศสามารถทำได้ เพราะประชาชนถูกคุ้มครองสิทธิ์สามารถวิพากษ์วิจารณ์คนที่เป็นสาธารณะได้อยู่แล้วตามรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถฟ้องร้องหมิ่นประมาทได้

“การล้อเลียนเป็นเรื่องปกติในต่างประเทศ และเมื่อ 20 ปีที่แล้วในไทยเคยมีรายการแซววาที ล้อเลียนบรรดานักการเมืองทั้งหลาย แม้พูดตรงๆ ไม่ได้ แต่สามารถเอามาล้อเลียนโดยใช้ศิลปะการพูด ใช้วาทศิลป์ในการนำเสนอ แม้เป็นเรื่องที่หนักก็ทำให้ไม่เครียดได้ ซึ่งเมื่อก่อนก็ทำได้ แต่มายุคนี้ตั้งแต่ลุงตู่เป็นนายกฯ ก็จับเอาพฤติกรรมมาแสดงเดี่ยวไมโครโฟนมาแล้วหลายโชว์ และในต่างประเทศก็มีบรรดานักแสดงตลกทางการเมือง มักหยิบยกเรื่องของหัวหน้าของรัฐบาล หรือรัฐมนตรีที่มีลักษณะเด่นๆ มีเรื่องที่ทำเป็นประจำนำเอามาเป็นจุดสนใจ สามารถนำมาล้อเลียนได้เพื่อให้คนเห็นภาพและเกิดความสนุก”

ในกรณีของโน้ต อุดม สามารถทำได้ แต่หากเมื่อใดมีการฟ้องร้องดำเนินคดี จะถือว่าเป็นการปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้รัฐบาลถูกมองว่าไม่สามารถแตะต้องได้ หากทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรและไม่สามารถเปิดโปงได้หรือไม่ ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ และเมื่อมีการเผยแพร่ทาง Netflix ยิ่งทำให้การรับรู้ของประชาชนสูงมากกว่า เพราะการแสดงสดเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา อาจมีการจำกัดผู้ชมผ่านการซื้อบัตร กระทั่งมีการเผยแพร่ออกมาทำให้คนทั้งสองฝ่ายรับรู้ ระหว่างฝ่ายเชียร์กับอีกฝ่ายก็เห็นว่าทำอย่างนี้ได้อย่างไร

“ประกอบกับลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี จากปม 8 ปี แบบสะบักสะบอม ทำให้อีกฝ่ายไม่อยากให้กลับมา ก็มีเป็นจำนวนมาก ส่วนฝ่ายสนับสนุนมองว่าจะมาทำลายลุงตู่ ไม่ได้ ซึ่งกลุ่มสนับสนุนลุงตู่ เริ่มน้อยลง และภายในพรรคพลังประชารัฐก็มีปัญหากับกลุ่ม 3 ป. ทำให้บรรยากาศวิพากษ์วิจารณ์มีมากขึ้น"

การแสดงเดี่ยว 13 ของโน้ต อุดม เหมือนทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชนที่มีความคับข้องใจ จนต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีพฤติกรรมอาจดูแปลกในโลกนี้ ซึ่งน่าจะฮิตใน Netflix กลายเป็นมีมที่ควรทำต่อๆ ไป และที่ผ่านมาโน้ต อุดม ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ล้อเลียนรัฐบาลอื่น ไม่ได้เลือกแสดงจุดยืนทางการเมืองในทางใด แต่ล้อเลียนคนที่มีพฤติกรรมผิดปกตินำมาเสนอ โดยเฉพาะช่วงขาลงของ พล.อ.ประยุทธ์.

...

ภาพจากเพจ  : เดี่ยว