แม้ผลชันสูตรไม่พบสารเสพติดในร่างกายของอดีตตำรวจ ที่ก่อเหตุกราดยิงภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อุทัยสวรรค์ จ.หนองบัวลำภู แต่จากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถตัดต้นเหตุนี้ไปได้ เช่นเดียวกับเหตุอาชญากรรมอื่นๆ ที่ขณะนี้คนร้ายมีพฤติกรรมใช้สารเสพติดเพิ่มมากขึ้น สะท้อนถึงการจัดการของหน่วยงานรัฐมีช่องโหว่
“รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิเคราะห์ว่า ขณะนี้มีเหตุอาชญากรรมที่เกิดจากคนร้ายมีพฤติกรรมการใช้สารเสพติดมากขึ้น กรณีอดีตตำรวจที่ก่อเหตุกราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ แม้ชันสูตรไม่พบสารเสพติด แต่ไม่ควรตัดปมการก่อเหตุนี้ เพราะปกติการตรวจเลือดหรือปัสสาวะจากศพ จะไม่พบสารเสพติด ถ้าคนร้ายไม่มีการเสพยามาภายใน 72 ชั่วโมง
“การชันสูตรเพื่อหาสารเสพติดในร่างของผู้ตาย สามารถตรวจให้ละเอียดได้ผ่านเส้นผม เพราะทางการแพทย์คนร้ายที่มีพฤติกรรมเสพยา เมื่อมีการใช้ยาในปริมาณพอดี จะมีพฤติกรรมเหมือนกับคนปกติ แต่ถ้าเสพยามากหรือไม่ได้เสพเกิน 2 – 3 วัน จะมีอาการคลุ้มคลั่ง และอาจทำร้ายตัวเองและผู้อื่นได้”
สำหรับเหตุกราดยิง สิ่งที่ทำให้เกิดการก่อเหตุส่วนหนึ่งมาจากอาวุธปืน ที่ควรมีการควบคุมและตรวจสอบไม่ให้มีการพกพา แม้จะเป็นปืนที่ซื้อเองในระหว่างรับราชการ แต่ถ้ายังสามารถพกพาได้ง่าย จะทำให้เกิดเหตุในลักษณะนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนร้ายขาดความยับยั้งชั่งใจ
คดีนี้ตำรวจยังต้องพยายามหามูลเหตุที่คนร้ายก่อคดี เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปถึงแรงกดดันจากการที่คนร้าย เข้าไปยังสำนักงาน อบต. รวมถึงปมที่คนร้ายไม่นำลูกมาที่ศูนย์พัฒนาเด็กฯ กว่า 1 เดือน เพื่อเป็นการถอดบทเรียน และหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
...
ศูนย์บำบัดยาเสพติดไม่มีมาตรฐาน ช่องโหว่ผู้ก่อเหตุคลั่ง
“รศ.นพ.วีระศักดิ์” วิเคราะห์ถึงเหตุอาชญากรรม ที่ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมการใช้สารเสพติดเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าผู้ก่อเหตุจะมีพฤติกรรมการกระทำความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด มีมาตรการให้ผู้ก่อเหตุที่ใช้ยาเข้าสู่กระบวนการบำบัดและฟื้นฟู โดยไม่ต้องถูกคุมขัง จึงมีผู้ที่ถูกจับกุมเลือกที่จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดจำนวนมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่สถานบำบัดยาเสพติดของภาครัฐที่มีมาตรฐานกลับไม่เพียงพอ
จึงทำให้ผู้ที่ถูกจับกุมเข้าไปสู่สถานบำบัดยาเสพติดของเอกชน ที่ไม่ได้มาตราฐานและไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ประกอบกับสถานบำบัดเอกชนบางแห่ง มีการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการที่ผู้ติดยาเสพติดได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน แต่ไม่มีการติดตามผลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผู้บำบัดมีอาการคลุ้มคลั่ง เนื่องจากขาดยาเสพติด ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์ชายคนหนึ่งคลุ้มคลั่งปาดคอแม่ตัวเองระหว่างการบำบัดยาเสพติดที่บ้าน
ขณะที่ช่องโหว่ของศูนย์บำบัดยาเสพติดเอกชน ทำให้ผู้ใช้ยาเสพติดไม่ได้รับการดูแลจากแพทย์ และมีแนวโน้มกลับไปเสพใหม่ ตัวอย่างเช่น วัดแห่งหนึ่งรับดูแลผู้ติดยาเสพติด เรียกรับเงินจำนวนมาก โดยไม่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปคอยดูแล ดังนั้น หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องควรเข้ามาดูแลแก้ปัญหาศูนย์บำบัดยาเสพติดให้เพียงพอ และมีกระบวนการดูแลผู้ป่วยที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
“ส่วนประเด็นอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุต้องยอมรับว่า มีช่องทางในการหาง่ายมาก ส่วนใหญ่ขายอยู่ที่กระบอกละ 800 – 3,000 บาท และเมื่ออาวุธปืนหาง่าย ทำให้ผู้ติดยาเสพติด ซื้อนำมาก่อเหตุได้มากขึ้น”
จากเหตุการณ์กราดยิง และอีกหลายคดีอาชญากรรมที่เกิดจากผู้เสพยาเสพติด ประชาชนควรเปลี่ยนจากความวิตกกังวล มาเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ รวมถึงการสอนให้บุตรหลานรู้จักเอาตัวรอดหากเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเอง เพราะในสถานการณ์เลวร้ายคนที่มีสติ และรู้จักหาทางออกในสถานการขับคันได้จะมีโอกาสรอดสูงกว่าคนที่ไม่มีการเตรียมความพร้อม.