เหตุการณ์กราดยิงหนองบัวลำภู สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลกจากการลงมือของอดีตตำรวจกระทำอย่างโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ และมีการพยายามพูดถึงหรือแสวงหาสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจที่ผู้ก่อเหตุได้ลงมือกระทำไป
เพราะผู้ก่อเหตุไม่ได้ทิ้งคำอธิบายถึงสาเหตุ หรือระบุความในใจ หรือออกแถลงการณ์ รวมทั้งระบายความในใจใดๆ ซึ่งในเรื่องนี้ “ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล” ประธานหลักสูตรปริญญาเอกนานาชาติ ด้านอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวของเด็กๆ ซึ่งเป็นผู้สูญเสียและเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ได้รับผลร้าย จากเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทยทั้งในปัจจุบันและในอนาคตด้วย ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นอาจเป็นความคับแค้นในเรื่องอะไรต่างๆ
พร้อมระบุว่าปัจจุบันผู้ที่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนอาจจำเป็นต้องหาร่องรอยทางดิจิทัลในลักษณะที่เรียกว่า digital trace โดยอาจจะต้องไปดูข้อความหรือการสื่อสารในมือถือก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะลงมือว่า มีการระบุหรือสื่อสารกับใครในเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งลักษณะในใจความคิดอ่านที่เกิดขึ้น ความเครียดความกดดันก่อนที่จะก่อเหตุพอที่จะนำมาประมวล และระบุถึงสาเหตุหรือแรงจูงใจให้ได้ชัดเจน
...
“สิ่งที่เรามีก็เป็นเรื่องของพฤติกรรม หรือข้อมูลแวดล้อมที่น่าสนใจ อาจจะเป็นเรื่องของพฤติกรรมเรื่องของการมีประวัติการเสพยา การเกเรหรือถูกจับ และการให้ออกจากราชการ”
ที่ผ่านมาการกราดยิงเป็นปรากฏการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทยมาจำนวนหนึ่งแล้ว และในต่างประเทศพฤติกรรมการกราดยิงนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมากและบ่อย นอกจากผลงานการประมวลข้อมูลของ FBI แล้วยังมีผลการศึกษาวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ได้มีการเก็บรวบรวมและประมวลผล รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาใช้ทำความเข้าใจและอธิบายให้เห็นถึงแรงจูงใจที่ชัดเจน
เมื่อเร็วๆ นี้มีผลงานการวิจัยของ Julian Peterson และ Jame Densley ชื่อ “The Violence Project: How to Stop Mass Shooting epidemic” ซึ่งสอดคล้องกับนักอาชญาวิทยา ชื่อ Jame Alune และ Martha Jone เคยไปเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ครอบครัว เพื่อนๆ ตั้งแต่ชั้นเรียนและเพื่อนร่วมงาน ครู รวมทั้งผู้ก่อเหตุที่ยังมีชีวิตอยู่ บอกไว้ว่า แรงจูงใจก่อเหตุอาจจะมาจากความเจ็บป่วยทางจิต ความเกลียดชัง การถูกกลั่นแกล้ง และต้องการการแก้แค้น รวมไปถึงความผิดหวังและความล้มเหลวในชีวิต
ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ร้อยละ 87.5 มีปัญหาทางจิตที่อาจไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาแล้วแต่ไม่เพียงพอ หรือปิดบังปัญหาสุขภาพจิตที่มีแบบแฝงเร้น และกลุ่มเหล่านี้ไม่เคยก่อเหตุมาก่อน ซึ่งมากกว่าครึ่ง ทำงานเกี่ยวข้องกับการเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายและมีปัญหาสุขภาพจิตที่บางครั้งเกิดจากการทำงานที่ต้องอดทนต่อความเจ็บใจสะสม
ในงาน the Violence Project ยังพบการผสมผสานความผิดหวัง ความล้มเหลวที่ก่อให้เกิดความผิดหวังรุนแรงและมีความคับแค้นใจที่ฝังลึก ยังสอดคล้องกับ Justin Nutt ที่ระบุว่า "ผู้ก่อเหตุมักระบุว่า ตัวเขาเป็นคนไร้ค่า ไร้ชื่อเสียง ไร้การยอมรับ ไม่มีใครสนใจไยดี อาจรู้สึกว่า เคยทำดี แต่ทำไมไม่จดจำ"
ที่น่าสังเกตพบว่าจำนวนไม่น้อยที่คนเหล่านี้มีฐานของปัญหาที่มาจากการเติบโตมาจากครอบครัวที่หย่าร้าง พ่อแม่แยกทาง มีบาดแผลทางใจในเด็ก เผชิญกับความรู้สึกไม่มั่นคง ความรู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวัง อาจรวมทั้งความรู้สึกว่า ขาดคนหยิบยื่นความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
...
นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายถึงเส้นทางความรุนแรง ซึ่งเป็นการใช้วิธีการเปลี่ยนความคับข้องใจไปสู่ความรุนแรง และมีข้อเท็จจริงว่า คนที่กราดยิงเหล่านี้มักจบด้วยการฆ่าตัวตาย นำไปสู่คำถามตามมา
"ถ้ามือปืนที่กราดยิงจะฆ่าตัวตายแล้ว ทำไมไม่ทำอย่างนั้นตั้งแต่แรก มากกว่าการไปฆ่าผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก คำตอบ คือ บางคนต้องการทำวิธีการที่สร้างสิ่งยิ่งใหญ่กว่านี้ เพื่อส่งผ่านข้อความให้โลกรู้ความเจ็บปวดที่เขามีอยู่”.
...