คดีเยาวชนวัย 16 ปี ซิ่งรถหรูฝ่าไฟแดงชนบัณฑิตหนุ่มเสียชีวิต เมื่อกลางดึกวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา บริเวณถนนทางเข้ามหาวิทยาลัย จ.นครราชสีมา เป็นประเด็นถกเถียงกันในโลกโซเชียล และตั้งข้อสังเกต มีการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของน้องเต้ วัย 24 ปี ผู้เสียชีวิต แม้ผู้ก่อเหตุยังเป็นเยาวชน ที่ไม่มีใบขับขี่ แต่กรณีนี้สังคมต่างจับตา เนื่องจากครอบครัวผู้ตายมีฐานะยากจน จึงอยากให้กระบวนการดำเนินคดีเป็นไปอย่างโปร่งใส และมีบทลงโทษไปถึงผู้ปกครอง

  • ช่วงเวลา 5 ทุ่ม วันที่ 30 ก.ย. 2565 บนถนนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ประตู 1 ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา “ธนพล แก้วมูล” หรือ น้องเต้ อายุ 24 ปี ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อกลับหอพักหลังเลิกงาน และไปทานข้าวเย็น แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผู้เคราะห์ร้าย ออกรถหลังสัญญาณจราจรไฟเขียว แต่เมื่อถึงกลางแยกรถหรูฝั่งตรงข้าม มุ่งตรงมาด้วยความเร็ว โดยไม่สนใจสัญญาณไฟแดง

  • รถหรูที่ฝ่าไฟแดงชนเข้าอย่างจัง ร่างของน้องเต้ บัณฑิตหนุ่มลอยละลิ่วกระแทกพื้นถนน เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งโอนเงิน 15,000 บาท ให้กับครอบครัวใน จ.นครสวรรค์ แต่คาดไม่ถึงว่านี้จะเป็นเงินก้อนสุดท้าย ที่ครอบครัวได้รับจากเสาหลักของบ้าน

  • หลังการพุ่งชน ร่างไร้วิญญาณกระดูกหักทั่วร่างกาย ส่วนผู้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า เป็นเยาวชนอายุ 16 ปี เดินทางมากับเพื่อน 3 คน โดยสภาพรถหรูด้านหน้าพังยับ ด้วยแรงปะทะจากความเร็ว ขณะที่สังคมออนไลน์ตั้งคำถามถึงปริมาณแอลกอฮอล์ของผู้ก่อเหตุ

  • ท่ามกลางการขุดคุ้ยของโลกโซเชียลถึงเยาวชนผู้ก่อเหตุ มีดีกรีเป็นนักกีฬาเยาวชนระดับทีมชาติ และกระบวนการดำเนินคดีของตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ได้ระบุเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2565 ได้แจ้งให้ผู้ปกครองพาเยาวชนผู้ก่อเหตุมารับทราบข้อกล่าวหาประกอบด้วย ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ขับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง และไม่มีใบอนุญาตขับรถ

  • ความโศกเศร้าในงานฌาปนกิจร่างน้องเต้ ที่บ้านเกิดใน จ.นครสวรรค์ พ่อได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากขอดูกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เห็นภาพสุดท้ายของลูกชายโดนชนอย่างจัง โดยผู้ก่อเหตุไม่สนใจสัญญาณไฟแดง และจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด โดยไม่ขอรับเงิน 2.5 แสนบาท ตามที่ครอบครัวผู้ก่อเหตุเสนอให้เป็นค่าทำศพเบื้องต้น

  • แม้ร่างไร้วิญญาณของน้องเต้จะฌาปนกิจแล้ว แต่สังคมยังคงตั้งคำถามถึงความผิดทางกฎหมายของเยาวชนที่ขับรถฝ่าไฟแดง รวมถึงความผิดของผู้ปกครอง อาจมีส่วนในการได้รับโทษในคดีนี้ และเบื้องต้นสภาทนายความ จ.นครราชสีมา ได้เสนอเข้าช่วยเหลือด้านกฎหมายในการดำเนินคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต และไขข้อสงสัยของสังคม

...

ก.ม.เอาผิดผู้ปกครองจำคุกถึง 3 ปี หากมีส่วนรู้เห็น

“พรเทพ เจริญพงศ์อนันต์” ประธานสภาทนายความ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า เยาวชนผู้ก่อเหตุได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้วในเบื้องต้น แต่คดีนี้สามารถเอาผิดกับผู้ปกครองได้ หากมีการพิสูจน์ทราบว่ามีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุนให้เยาวชนขับรถยนต์โดยไม่มีใบขับขี่ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุก 3 เดือน โดยจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิสูจน์หลักฐานในชั้นศาล เพราะกรณีนี้ถ้าเด็กขับรถออกจากบ้านผู้ปกครองต้องมีส่วนรู้เห็น

สำหรับการดำเนินคดีกับเยาวชนผู้กระทำผิด แม้มี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ที่ไม่สามารถจำคุกเยาวชนได้เหมือนความผิดของผู้ใหญ่ แต่จะมีกระบวนการควบคุมอบรม เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเยาวชนผู้ก่อเหตุ และด้านคดีความผิดทางแพ่ง ครอบครัวผู้เสียชีวิต สามารถเรียกร้องเป็นรายเดือน โดยคิดจากฐานเงินเดือนสุดท้ายของผู้เสียชีวิต และทางกฎหมายมีผลบังคับให้จ่ายเงินส่วนนี้ไปจนกว่าคนที่ได้รับสิทธิประโยชน์มีอายุ 90 ปี

“ขณะนี้ครอบครัวผู้ตายยังไม่ได้แจ้งความประสงค์มาทางสภาทนายความให้ดำเนินคดีต่อ ถ้าทางครอบครัวต้องการ ทางทีมทนายอาสาพร้อมจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาหลักฐานมาดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดในชั้นศาล เพราะคดีอุบัติเหตุลักษณะนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นไปได้ผู้ปกครองจะต้องได้รับโทษ หากมีการส่งเสริมให้บุตรขับรถยนต์ โดยไม่มีใบขับขี่”

คดีนี้ถือเป็นตัวอย่างถึงความประมาท ผู้ปกครองอาจมีส่วนในการรับผิดชอบตามฐานความผิด แม้สุดท้ายสังคมยังมีคำถามต่อหลายประเด็น แต่การดำเนินคดีในชั้นศาลยังเป็นกระบวนการสำคัญ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต แม้สุดท้ายจะมีการไกล่เกลี่ยคดี ซึ่งจะเป็นผลดีต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต.