กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ “รักต้องฆ่า” หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากผู้ดูแลห้องพักในพื้นที่ เมื่อวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ให้ดำเนินการตรวจสอบความผิดปกติของผู้เข้าพักอาศัย เนื่องจากแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาดได้สังเกตเห็นว่า ผู้เช่าเปิดน้ำทิ้งไว้ในห้องน้ำตลอดทั้งวัน ขณะที่ในห้องมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนผิดสังเกต ทำให้ตำรวจตามจับคนร้ายฆ่าหั่นศพได้ทันควัน

  • “ทำไมมาเร็วจัง” เป็นประโยคคำถามแรก ที่ผู้ก่อเหตุถามตำรวจที่บุกเข้ามาแสดงตัวจับกุมในห้องพัก ชายดังกล่าวมีท่าทีเรียบเฉย ก่อนยอมรับว่าได้ฆาตกรรมหญิงสาวที่คบหากันด้วยความหึงหวง นำศพไปฝังอำพรางใต้ทางด่วนฉลองรัช ย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ คดีนี้อาจกลายเป็นปริศนา หากแม่บ้านที่ทำความสะอาดห้องพักไม่ได้ไขกุญแจเปิดห้องผิด... หรืออาจมีอะไรมาดลใจแม่บ้าน

  • เช้าก่อนการเข้าจับกุม แม่บ้านในห้องพักรายวันตั้งใจจะเข้าไปทำความสะอาดห้องพักที่อยู่ข้างห้องเกิดเหตุ แต่กลับไปไขกุญแจห้องผิด เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้อง ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำไหลอยู่ตลอด เมื่อเปิดเข้าไปในห้องน้ำถึงกับผงะ!! กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลชวนคลื่นไส้ แม่บ้านรู้ทันทีถึงความผิดปกติ เธอรีบออกจากห้องพัก ก่อนผู้ก่อเหตุจะกลับมาถึง

  • เหตุผิดสังเกตถูกแจ้งให้ผู้ดูแลห้องพักทราบ เย็นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบุกเข้าไปในห้อง พบผู้ก่อเหตุนั่งอยู่บนเตียง ด้วยท่าทีนิ่งเฉย เสียงเพลงที่ดังก้องอยู่ในห้องถูกปิดลง พร้อมกับเบาะแสการฆาตกรรมหญิงวัย 30 ปี ค่อยๆ ถูกเล่าออกจากปากของมือสังหาร

  • จุดเริ่มต้น “รักต้องฆ่า” คนร้ายเล่าว่า ได้พบกับผู้ตายในที่ทำงาน จากนั้นได้แอบคบหากัน ด้วยระยะหลังผู้ตายตีตัวออกห่าง คนร้ายจึงเกิดความหึงหวง และได้นัดหมายมาที่ห้องพักเกิดเหตุในวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นจึงได้ทะเลาะกัน จนมีการทำร้ายฝ่ายหญิงด้วยของมีคม คนร้ายอยู่กับร่างไร้วิญญาณและกลิ่นคาวเลือดตลอดทั้งคืน

  • รุ่งขึ้นวันที่ 29 ก.ย. 65 ได้นำเลื่อย มีด และค้อน ที่เตรียมมา ชำแหละร่างไร้วิญญาณเป็น 7 ส่วน ใส่ไว้ในถุงพลาสติกหลายชั้น และนำร่างไปฝังไว้ในหลุมที่ขุดเตรียมไว้บริเวณใต้ทางด่วนฉลองรัช กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65 พร้อมทั้งทำลายทรัพย์สินของผู้ตาย ด้วยการนำโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โยนทิ้งลงน้ำบริเวณใกล้เคียงจุดฝังอำพรางศพ

  • หลังการอำพรางศพเสร็จสิ้น คนร้ายกลับมายังห้องพักที่ก่อเหตุอีกครั้ง ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ซึ่งจากการแจ้งเหตุผิดปกติของแม่บ้านรายดังกล่าว ถือเป็นเบาะแสสำคัญช่วยคลี่คลายคดีของหญิงเคราะห์ร้ายได้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นคดีนี้อาจจะกลายเป็นปริศนาการฆาตกรรม

...

รักต้องฆ่าเกิดขึ้นบ่อย ป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นเหยื่อ

เหตุสยองรักต้องฆ่า ระยะหลังมีคดีฆาตกรรมลักษณะนี้เพิ่มขึ้น “รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล” ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุมีความเหี้ยมโหดมาก ปัจจุบันมีคดีอาชญากรรมที่เกิดจากความหึงหวงจำนวนมาก โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการสืบหาหลักฐานของการซื้ออุปกรณ์ชำแหละศพ เช่น เลื่อย ค้อน และมีด ว่าผู้ก่อเหตุมีการวางแผนการฆาตกรรมไว้ล่วงหน้าหรือไม่ แม้เบื้องต้นผู้ก่อเหตุจะอ้างว่าเป็นการบันดาลโทสะ  

“ปกติการดำเนินคดีกับคนร้าย พนักงานสอบสวนจะต้องหาหลักฐานให้กับศาลพิจารณาว่า เหตุของการฆ่าเป็นผลมาจากการบันดาลโทสะ หรือฆ่าโดยมีการวางแผนไว้ก่อน ซึ่งฐานของความผิดจะมีโทษต่างกัน กรณีนี้เจ้าหน้าที่ต้องสอบถามไปยังผู้ขายเครื่องมือในการชำแหละศพ ว่าขณะมาซื้อมีท่าทีเตรียมการ เพื่อก่อเหตุร้ายหรือไม่ หากมีเหตุความเป็นไปได้ว่าคนร้ายมีการเตรียมตัวมาก่อน จะมีโทษความผิดถึงขั้นประหารชีวิต”


การป้องกันเพื่อไม่ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อเหมือนกรณี “รักต้องฆ่า” จะต้องศึกษาผู้ที่คบหาให้มีความมั่นใจเสียก่อน ไม่ควรจะรีบมีสัมพันธ์กับคนที่เข้ามาคบอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ทำให้สภาวะอารมณ์ของบางคนมีการแสดงออกรุนแรง จนเกิดการทำร้ายร่างกายถึงขั้นเสียชีวิตได้

ขณะเดียวกัน พลเมืองดีก็เป็นตัวอย่างที่สำคัญ เช่นกรณีนี้ต้องยกย่องความช่างสังเกตของแม่บ้าน ที่ช่วยทำให้จับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น หากพบพฤติกรรมผิดสังเกตของผู้ที่อยู่อาศัยในอาคารเดียวกัน เช่น มีพฤติกรรมกดชักโครกถี่ตลอดทั้งคืนถึง 20 - 30 ครั้ง หรือเกิดการทะเลาะวิวาทภายในห้องอย่างรุนแรง จะต้องแจ้งผู้ดูแลอาคารให้มาสอบถาม และระงับเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ควรมีการปลูกฝังสภาวะทางอารมณ์ของลูกหลาน ไม่ให้แสดงพฤติกรรมความรุนแรงต่อผู้อื่น.