กรณีแหวนแหวนดาวติ๊กต่อก หลอกขายโทรศัพท์มือถือราคาถูกผ่านไลฟ์สด กลายเป็นประเด็นสังคมออนไลน์ให้ความสนใจ เนื่องจากมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก โดยผู้เสียหายรวมตัวกันตามหา ก่อนจะเกิดดราม่าผู้เสียหายถีบกลางรายการทีวีช่องดัง จนเป็นที่วิจารณ์ในวงกว้าง
สำหรับ “แหวนแหวน” มีผู้ติดตามในติ๊กต่อกกว่า 9 แสนคน ด้วยคอนเทนต์แปลกแหวกแนว ตัวอย่างเช่น การโยนทองและโทรศัพท์ไอโฟนใหม่เอี่ยมลงน้ำ กลายเป็นสีสันบนโลกออนไลน์ จากนั้นจึงมีการนำเสนอขายมือถือและสินค้าอื่นในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้มีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมาก แต่เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้าตามต้องการ พอทวงถามกลับถูกปิดกั้นจนไม่สามารถติดต่อได้
ผู้เสียหายระบุว่า ได้ไปแจ้งความ แต่การดำเนินคดียังไม่คืบหน้า เพราะมูลค่าความเสียหายมีจำนวนเงินน้อย จึงได้รวมตัวกันตามหา เมื่อพบผู้ก่อเหตุได้พยายามเจรจาเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย และขอโอกาสทางสังคม เพื่อให้เธอได้มีที่ยืนบนโลกออนไลน์
“ภัทรกร ทีปบุญรัตน์” หัวหน้างานศูนย์คุ้มครองและพิทักษ์ผู้บริโภค แบบเบ็ดเสร็จ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า การหลอกลวงขายสินค้าบนโลกออนไลน์ โดยผู้ซื้อสินค้าไม่ได้รับสินค้า มีการร้องเรียนจำนวนมาก พฤติกรรมผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่หลอกขายสินค้าผ่านไลฟ์สด เช่นกรณี “แหวนแหวน” สร้างคอนเทนต์ให้มีผู้ติดตามกว่า 9 แสนคน จากนั้นขายสินค้าราคาถูกกว่าความเป็นจริง ทำให้มีผู้เข้ามาซื้อสินค้าจำนวนมาก
การหลอกลวงขายโดยไม่ส่งสินค้าให้กับผู้สั่งซื้อ มีโทษฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 341 ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
อีกฐานความผิดคือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ลงโทษผู้มีพฤติกรรมหลอกลวง หรือบิดเบือนใส่เนื้อหาที่เป็นเท็จลงในระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี
...
“การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีแหวนแหวน หากมีการพิสูจน์ทราบว่า โทรศัพท์ไอโฟนที่โยนทิ้งลงน้ำเป็นของปลอม มีสิทธิที่จะได้รับโทษ ซึ่งความผิดนี้รวมถึงการนำเงินของผู้อื่นมารีวิวว่าเป็นเงินของตนเอง ทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อ ถ้ามีการฟ้องร้องและพิสูจน์ทราบว่าไม่ใช่เงินของเจ้าของคลิป ก็มีสิทธิได้รับโทษเช่นกัน”
“ภัทรกร” กล่าวต่อว่า จากการติดตามช่องทางการเงินของผู้กระทำผิด เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปภายใน 3 นาที มีการโอนเงินไปยังบัญชีม้าถึง 3-4 บัญชี อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ติดตามผู้กระทำผิดได้ยาก ขณะที่การไปแจ้งความกับตำรวจต้องใช้เวลา 15 วัน กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับแจ้งความ และส่งเรื่องต่อไปยังธนาคารเพื่ออายัดบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่คนร้ายจะโอนเงินไปยังบัญชีอื่นแล้ว
“จากสถิติการอายัดเงินจากผู้กระทำผิดในการหลอกขายสินค้าออนไลน์ ที่แจ้งความผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ 1 มีนาคม - 12 กันยายน 2565 มีมูลค่าเสียหายทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท สามารถอายัดได้เพียง 2 ร้อยล้านบาท ถือว่ามีจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เปิดช่องทางแจ้งความผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com เพื่อดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารให้รวดเร็วขึ้น”
สำหรับผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ไม่ควรหลงเชื่อการรีวิวจากผู้ขายเพียงอย่างเดียว เพราะขณะนี้กลุ่มมิจฉาชีพมีการปลอมแปลงเป็นผู้รีวิว นอกจากนี้ควรซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ เพราะถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น ผู้ซื้อสินค้าสามารถเรียกร้องเอาผิดกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มได้ตามกฎหมาย.