พายุโนรูกำลังเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ก่อนผ่านประเทศลาวเข้ามาไทยช่วงเช้ามืดวันที่ 29 ก.ย. และเพื่อความไม่ประมาท ทางรัฐบาลได้ตั้งวอร์รูมเตรียมพร้อมรับมืออย่างใกล้ชิด คาดว่าพายุลูกนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ก่อนหน้านั้นพายุมู่หลาน และหมาอ๊อน ได้เข้าไทยแม้อ่อนกำลังลง แต่ทำให้หลายพื้นที่รวมถึงกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมขัง
เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเมื่อ พายุโนรู เข้าไทย และน่าจะคลายความกังวลลงเมื่ออ่อนกำลังลงจากไต้ฝุ่นมาเป็นพายุโซนร้อน โดยพื้นที่ภาคอีสานของไทยจะเป็นด่านแรกที่พายุลูกนี้เข้ามา จากการระบุของ “ดร.สุทัศน์ วีสกุล” ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. อ้างอิงข้อมูลล่าสุดของศูนย์เตือนพายุไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) พบว่าพายุโนรูได้อ่อนกำลัง มีความเร็วลม 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนเข้าไทยซึ่งเป็นพายุโซนร้อน จากแรงต้านทานของภูเขาและต้นไม้ แต่ด้วยร่องมรสุมและอิทธิพลลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง จะทำให้ปริมาณฝนยังมีอยู่ ต้องระมัดระวังพื้นที่ภาคอีสานเป็นพิเศษ เพราะเป็นแนวปะทะโดยตรงตั้งแต่พายุยังไม่เข้ามา
...
“พายุโนรู จะเคลื่อนผ่านประเทศลาว เข้าไทยทางตอนบนของจังหวัดอุบลราชธานี ช่วงระหว่างเวลาตี 2 ถึงตี 4 ของวันที่ 29 ก.ย. จะกระทบอีสานทั้งภาค โดยเฉพาะอีสานตอนล่างจะได้รับผลกระทบมากกว่าอีสานตอนบน เพราะมีลมมรสุมเข้ามาเติม จะเกิดฝนตกหนัก ส่วนอีสานตอนบนฝนจะตกน้อยกว่า แต่ลมแรงมีอากาศเย็น และตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. ทั่วประเทศของไทย ยกเว้นภาคใต้ จะได้รับผลกระทบจากแนวปะทะของลมพายุโนรู จะเกิดฝนตกหนักถึงปานกลาง ก่อนพายุเข้ามา”
ส่วนพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง บริเวณลุ่มน้ำป่าสักต้องระวัง รวมถึงลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำสะแกกรัง ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำน่าน ขณะที่กรุงเทพฯ และจังหวัดที่ติดชายทะเลทางภาคตะวันออก จะได้รับอิทธิพลตั้งแต่ก่อนพายุโนรูเข้ามา เพราะแนวลมพัดทะเลจนก่อความชื้นทำให้เกิดฝนในช่วงวันที่ 30 ก.ย. ไปจนถึงวันที่ 2 ต.ค. แม้พายุโนรูได้ออกไปแล้ว
สิ่งที่น่ากังวลสำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อพายุโนรูเข้ามา เนื่องจากบางพื้นที่น้ำท่วมไปแล้วก่อนหน้า และขณะนี้น้ำยังระบายได้ช้า เช่น ลาดกระบัง หนองจอก คลองสามวา และมีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกอยู่ห่างทะเล หากฝนตกหนักมาเพิ่มเติมอีกจะได้รับผลกระทบหนัก นอกจากนี้ ยังกังวลพื้นที่ จ.ปทุมธานี แม้มีคลองรังสิตฯ ในการรับน้ำ แต่น้ำในคลองมีปริมาณมากเกินกว่าที่จะรองรับน้ำเพิ่มเติมเข้าไปอีก
จากการตรวจสอบพายุที่จะเข้ามาต่อจากพายุโนรู ยังไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาไทยในช่วงนี้ แต่มีพายุกุหลาบ เคลื่อนไปทางทิศเหนือเบี่ยงไปทางประเทศญี่ปุ่น แต่เข้าไม่ถึงญี่ปุ่น เพราะพายุจะเคลื่อนกลับเข้าไปมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งไม่ก่อผลกระทบใดๆ กับไทย แต่ก็ไม่ควรประมาทเพราะยังมีพายุที่เหลืออีกในปีนี้ อาจเริ่มก่อตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนก่อตัวเป็นพายุ จะต้องติดตามข้อมูล เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐเตรียมตัวรับมือเช่นเดียวกับพายุโนรู โดยจะทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานจากการตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าใน จ.อุบลราชธานี และ จ.ชัยนาท
...
“หวังว่าพายุโนรูจะอ่อนกำลังเป็นดีเปรสชัน และหวังว่าจะไม่เกิดปัญหาเดียวกับพายุเตี้ยนหมู่ เหมือนปีที่แล้วเกิดฝนตกหนักลงมาโดยตรงบริเวณเหนือเขื่อนป่าสัก จนทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นมากจนรองรับมวลน้ำไม่ไหว หากฝนตกหนักในพื้นที่ จ.เพชรบรูณ์ ยังมีคลองระบายน้ำทำให้ไม่น่ากังวล แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องเตรียมพร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดให้เกิดผลกระทบให้น้อยที่สุด”