การเปิดตัว มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ในสีเสื้อพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ กลายเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน เมื่อถูกวางตัวให้เป็นทีมงานยุทธศาสตร์พรรคในพื้นที่กรุงเทพฯ และเตรียมลง ส.ส. บัญชีรายชื่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะที่กระแสของพรรคประชาธิปัตย์ ที่นักวิชาการทางการเมืองต่างวิเคราะห์ว่าเป็นขาลง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีปัญหาภายในพรรค และความนิยมของพรรคในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเคยเป็นฐานเสียงสำคัญมีแนวโน้มลดลง
สัญญาณความแตกร้าวในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาแม้จะมีข่าวลือความไม่เห็นพ้องกันหลายกรณี แต่ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจล่าสุด หัวหน้าพรรคอย่าง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กลับมีคะแนนรั้งท้าย นี่จึงเป็นสัญญาณทางการเมืองของพรรคเก่าแก่ของไทย ได้ก้าวไปสู่ปากเหวการเมืองอีกครั้ง
แต่การปรับโฉมด้วยการเปิดตัว มาดามเดียร์ จะกลายเป็นอีกความหวังหนึ่ง ในการกอบกู้ภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ บนความสั่นคลอนของฐานเสียงในเมืองหลวงได้หรือไม่
มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค เปิดเผยถึงแนวทางในการกู้วิกฤติให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า จากการที่ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้มีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่กรุงเทพฯ ปัญหาที่ต้องการจะผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเร็วคือ ผังเมือง เนื่องจากมีชุมชนที่อยู่อาศัยในเมืองค่อนข้างหนาแน่น จึงทำให้มีปัญหาตามมาในด้านต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างจากพื้นที่อื่น หากมีการปรับเปลี่ยนและวางผังเมืองได้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ปัญหาบางอย่างในกรุงเทพฯ ลดลงได้
ส่วนอีกประเด็นที่ต้องการแก้ไขคือ รายได้ของคนกรุงเทพฯ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะถ้าเป็นคนจนในต่างจังหวัดยังสามารถเพาะปลูกเพื่อนำมากินกันในครอบครัวได้ แต่คนจนในเมือง ส่วนใหญ่ไม่มีพื้นที่เพาะปลูก และยังมีค่าครองชีพที่สูงกว่าคนจนที่อยู่ในต่างจังหวัด ดังนั้นการจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนกรุงเทพฯ ได้ต้องฟังเสียงความต้องการของคนในพื้นที่ และปรับเปลี่ยนมาเป็นนโยบายให้ได้มากที่สุด
...
มาดามเดียร์ ความหวังฐานเสียงกรุงเทพฯ ไม่ใช่งานง่าย
"ดร.ยุทธพร อิสรชัย" อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ หลังการเปิดตัวมาดามเดียร์ ว่า แนวทางฟื้นฟูภาพลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ต่อจากนี้ไม่ใช่งานง่าย แม้มีการนำบุคคลมีชื่อเสียงเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากระบบโครงสร้างการเมืองของพรรคได้ และถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนจะทำให้กลายเป็นพรรคการเมืองที่ล้าหลัง
แม้มีการเปิดตัว มาดามเดียร์ ที่เป็นหนึ่งในทีมงานยุทธศาสตร์หาเสียงในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมาดามเดียร์ ไม่ได้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต จึงทำให้ไม่ได้มีฐานเสียงเดิมในพื้นที่เขตเลือกตั้ง ดังนั้นการเลือกตั้งในระดับเขตของพื้นที่ครั้งหน้าของพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นการแข่งขันที่หนักหน่วง และอาจได้เก้าอี้ ส.ส.แบบแบ่งเขตเพียงคนเดียว
“มาดามเดียร์ ไม่น่าจะเรียกคะแนนเสียงจากคนกรุงเทพฯ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ได้มากนัก เพราะผลงานตอนทำงานให้พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่โดดเด่นพอ ประกอบกับพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้เป็นขาลง และไม่ได้มีทางเลือกมาก ดังนั้นการที่มีคนมีชื่อเสียงเข้ามาสู่พรรค และมีภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่น่าจะช่วยส่งเสริมให้ได้รับคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่”
ด้วยลักษณะการเมืองของคนกรุงเทพฯ มีความแตกต่างจากหลายพื้นที่ ซึ่งการจะประสบความสำเร็จในพื้นที่กรุงเทพฯ จะต้องมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยในด้านภาพลักษณ์ของนักการเมือง และทุนทรัพย์ในการลงพื้นที่ทางการเมือง รวมถึงค่านิยมทางการเมืองของคนกรุงเทพฯ ในช่วงเวลานั้น ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ ของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พิสูจน์ให้เห็นว่ากว่าจะก้าวสู้ตำแหน่งได้ ต้องใช้เวลาหลายปีในการลงพื้นที่
การจะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ทั้งพรรค ถ้าเพียงแค่นำบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามายังไม่สามารถเรียกศรัทธาจากคนกรุงเทพฯ แม้แต่สถานการณ์ภายในของพรรคเองก็ยังค่อนข้างมีปัญหา เนื่องจากสมาชิกพรรคบางกลุ่มยังไม่ยอมรับในตัวหัวหน้าพรรค
“ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์พยายามแก้ปัญหาในตัวบุคคลมาตลอด แต่ไม่เคยแก้ไขในระบบโครงสร้างของพรรค ซึ่งการเมืองในแบบประชาธิปัตย์ เป็นการเมืองที่ขายไม่ออกแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการพยายามสร้างภาพลักษณ์ด้วยการนำคนรุ่นใหม่เข้าเป็นหัวหน้าพรรคในช่วงที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้นำ แต่เป็นไปได้เพียงระยะสั้นๆ”
โอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า อาจได้ที่นั่งในสภาเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม เพราะมีสมาชิกพรรคบางส่วนได้ย้ายออกไป ซึ่งศักยภาพของพรรคต่อจากนี้อาจจะเป็นความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ของการหาเสียงในกรุงเทพฯ.