เหตุสลดเด็ก 7 ขวบ จมสระน้ำในพูลวิลล่า เสียชีวิตที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ล่าสุดทางผู้ปกครองไม่ติดใจการเสียชีวิต โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กชายที่พักอาศัยอยู่ในละแวกพูลวิลล่าเกิดเหตุ คาดว่าเด็กที่จมน้ำได้แอบปีนรั้วเข้ามาในบ้านพัก และเกิดพลัดตกลงไปในสระน้ำเสียชีวิต เมื่อผู้ดูแลที่พักมาพบได้แจ้งไปยังผู้ปกครอง สำหรับเหตุการณ์จมน้ำเสียชีวิตมีหลายกรณีที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน ทีมกู้ภัยทางน้ำ ต้องงมหาร่างผู้เสียชีวิตเฉลี่ยเดือนละ 4-5 ราย ซึ่งถือเป็นภัยใกล้ตัวที่หลายคนละเลย

“สหภพ กรินสูงเนิน” หัวหน้าชุดปฏิบัติการทางน้ำ มูลนิธิพุทธธรรมการกุศล หน่วยกู้ภัย ฮุก 31 กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นเด็กก่อนวัยเรียน และกลุ่มอายุ 13-14 ปี สถิติเฉลี่ยผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำเดือนละ 4-5 ศพ อุบัติเหตุจากการจมน้ำถือเป็นภัยเงียบ ที่หลายคนไม่ทันระวัง เพราะคนทั่วไปมักจะระวังอุบัติเหตุที่อยู่บนบก ยิ่งช่วงฤดูฝนจะมีเหตุเกิดขึ้นมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีการไปหาปลาแล้ววูบหมดสติจมน้ำเสียชีวิต ส่วนเด็กมักเกิดเหตุจากการชวนกันไปเล่นน้ำ หรือครอบครัวประมาทจนเด็กจมน้ำในบริเวณบ้าน

...

“เมื่อปีที่แล้วมีเหตุเด็กอายุ 3 ขวบ จมน้ำในอ่างน้ำของบ้าน โดยเด็กก้มลงไปเล่นน้ำ แล้วหัวทิ่มลงไปจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ดังนั้นแหล่งน้ำที่ต้องระมัดระวังที่สุดคือ แหล่งน้ำภายในบ้านและใกล้บ้าน แม้แต่น้ำในกะละมังซักผ้า ถ้ามีเด็กเล็กที่กำลังคลาน ควรคว่ำน้ำทิ้ง ไม่ควรรองเก็บไว้ เพราะแค่มีปริมาณน้ำระดับที่ท่วมจมูกได้ก็สามารถทำให้เด็กประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตได้”

วิธีการเข้าไปช่วยเหลือคนที่กำลังจะจมน้ำก็เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะคนที่เข้าไปช่วยจะต้องว่ายน้ำเข้าไปช่วยจากทางด้านข้างหรือด้านหลังของคนที่กำลังจะจมน้ำ เพื่อไม่ให้ผู้ประสบภัยที่อยู่ในสภาวะตกใจ กดร่างของคนที่ไปช่วยให้จมน้ำ เพราะส่วนใหญ่คนที่กำลังจะจมน้ำ เมื่อมีคนเข้าไปช่วยจะตะเกียกตะกาย กดตัวคนที่เข้ามาช่วย ทำให้ช่วยเหลือได้ลำบาก ซึ่งบางครั้งคนที่เข้าไปช่วยจะหมดแรง สุดท้ายเสียชีวิตไปพร้อมกันหลายกรณี

“คนที่เข้าไปช่วยจะต้องว่ายน้ำเข้าไป แล้วล็อกร่างของคนที่จะจมน้ำไว้ใต้รักแร้ โดยต้องพยุงให้หัวคนที่กำลังจะจมโผล่พ้นน้ำ แล้วก็ค่อยๆ ว่ายน้ำพยุงตัวลากคนที่กำลังจมน้ำเข้าฝั่ง หรืออีกกรณีคนที่เข้าไปช่วยควรมีอุปกรณ์ช่วยพยุงตัวเช่น ขวดน้ำพลาสติกขนาด 1.25 ลิตร แต่ถ้าผู้ที่กำลังจะจมน้ำใกล้กับฝั่ง ต้องโยนอุปกรณ์พยุงตัวลงไปให้ แล้วพยายามให้ผู้ประสบภัยตั้งสติพยุงตัวเข้าฝั่ง”

ส่วนคนที่กำลังจะจมน้ำและว่ายน้ำไม่เป็น การลอยตัวในน้ำเบื้องต้น ต้องพยายามตั้งสติและสูดอากาศหายใจให้เต็มปอด เหมือนกับปอดเป็นลูกโป่ง ที่ช่วยทำให้ร่างกายลอยตัวเพื่อรอการช่วยเหลือ แต่ไม่ควรตะเกียกตะกายเพื่อว่ายน้ำ เพราะจะทำให้ร่างกายหมดแรงและจมน้ำเสียชีวิต

“วิธีการลอยตัวในน้ำเพื่อเอาตัวรอดจะต้องเริ่มจากการนอนหงาย แล้ววาดแขนทั้งสองข้างไปเรื่อยๆ สูดลมหายใจเข้าปอดเป็นปกติ แต่ไม่ควรกลั้นหายใจ ขณะเดียวกันต้องยืดอกให้พ้นจากระดับผิวน้ำ ยกพุงให้เหนือน้ำเพื่อช่วยในการลอยตัว แม้ผู้ที่ประสบเหตุจะใส่เสื้อชูชีพ ก็สามารถนำการจัดร่างกายลักษณะดังกล่าวไปใช้ได้ เพื่อช่วยถนอมแรงและรอคนที่จะมาช่วยเหลือ ซึ่งปกติการพยุงตัวจะอยู่ได้ 15-30 นาที”

การเอาตัวรอดในการจมน้ำทะเลจะยากกว่าเพราะมีคลื่นที่ทำให้การทรงตัวลำบาก แต่ถ้ามองถึงหลักวิทยาศาสตร์น้ำทะเลที่มีความหนาแน่นมากกว่าน้ำจืด จะทำให้ร่างกายของมนุษย์ลอยตัวได้ดีกว่า

สุดท้ายแล้วอยากจะฝากให้ครอบครัวที่มีเด็ก ระมัดระวังการจมน้ำของลูกหลาน เพราะเหตุร้ายสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ สติ เมื่อปีที่แล้วเคยมีเหตุการณ์พ่อจมน้ำไปพร้อมกับลูกเพราะเข้าไปช่วยเหลือเด็กอย่างไม่ถูกวิธี จนสุดท้ายหมดแรงจมน้ำเสียชีวิตไปพร้อมกัน จึงเป็นเหตุการณ์สูญเสียที่น่าเศร้าใจ และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่น.