กรุงเทพฯ ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องไปจนถึง 21 กันยายนนี้ จากปัจจัยของพายุหมุ่ยฟ้า ทำให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง และลำคลองมีปริมาณน้ำเต็มความจุ โดยเฉพาะพื้นที่เขตลาดกระบัง ที่ระบายน้ำออกไปได้ช้า เนื่องจากปัจจัยของน้ำทะเลหนุน ประกอบกับการก่อสร้างในพื้นที่กีดขวางทางน้ำ ทำให้หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯไม่เคยถูกน้ำท่วม แต่รอบนี้กลับมีน้ำท่วมขังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่นเดียวกับพื้นที่บางเขนและวิภาวดี ก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

“รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์” อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ปีนี้เกิดจากปริมาณฝนที่ตกหนักกว่าทุกปี บวกกับปัญหาในการระบายน้ำในพื้นที่มีข้อจำกัด ทั้งสิ่งกีดขวางทางน้ำ และเครื่องสูบน้ำที่เสียบ่อยครั้ง ทำให้การระบายน้ำไม่มีประสิทธิภาพ

“หลายพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ไม่เคยเกิดน้ำท่วม แต่ปีนี้ได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่โซนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เช่น ลาดกระบัง ส่วนพื้นที่รอยต่อย่านรังสิต จังหวัดปทุมธานี ก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถระบายน้ำที่อยู่ในลำคลองได้”

ภาพน้ำท่วมย่านรังสิต เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565
ภาพน้ำท่วมย่านรังสิต เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565

...

สำหรับพื้นที่ย่านบางเขน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรอยต่อรังสิต จังหวัดปทุมธานี ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เนื่องจากมีปริมาณฝนตกในพื้นที่สูง ประมาณ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ถึง 16 ล้านลูกบาศก์เมตร หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาทำให้มีปริมาณน้ำฝนตกค้างในพื้น ประกอบกับเครื่องสูบน้ำที่ช่วยระบายน้ำขัดข้อง ทำให้เกิดความล่าช้าในการระบายน้ำ ซึ่งต่อจากนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน เพื่อระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ให้หมดได้

พื้นที่ลาดกระบัง ปัจจัยของการเกิดน้ำท่วมมาจากการที่ไม่สามารถระบายน้ำในพื้นที่ออกไปยังแม่น้ำบางปะกง ขณะที่การระบายน้ำเพื่อลงอุโมงค์ยักษ์ต้องใช้เวลานาน เพราะมีระยะทางไกล ประกอบกับเครื่องสูบน้ำในพื้นที่ชำรุด และไม่มีเครื่องสูบน้ำสำรองทำให้การระบายน้ำในพื้นที่มีปัญหา เช่นเดียวกับเส้นทางการระบายน้ำแคบ มีสิ่งกีดขวางทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลง

อีกพื้นที่น่าเป็นห่วงคือ วิภาวดีรังสิต ขณะนี้มีการก่อสร้างตลอดเส้นทาง ทำให้คลองในพื้นที่ถูกกีดขวางด้วยสิ่งปลูกสร้าง และดินที่ทับถมจากการก่อสร้าง ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลง จนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่

หลังจากนี้พื้นที่กรุงเทพฯ จะมีพายุฝนเข้ามาอีก 2-3 ลูก และจะทำให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังเพิ่มขึ้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมในระยะสั้น โดยต้องเตรียมให้เครื่องสูบน้ำพร้อมใช้งาน และต้องมีเครื่องสูบน้ำสำรองเตรียมไว้ในพื้นที่ระบายน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่จุดสำคัญ เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ต้องระบายน้ำท่วมด้วยการสูบน้ำ แต่ขณะนี้เครื่องสูบน้ำส่วนใหญ่มีอายุการใช้งานที่มาก ทำให้เกิดการขัดข้องในหลายพื้นที่ ซึ่งหลังจากหมดหน้าฝนแล้ว กรุงเทพฯ จะต้องมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อซื้อเครื่องสูบน้ำใหม่มาช่วยในการระบายน้ำ

ภาพน้ำท่วมพื้นที่ลาดกระบัง ถ่ายเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565
ภาพน้ำท่วมพื้นที่ลาดกระบัง ถ่ายเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565

“พื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่ยังน่าห่วงหลังจากนี้คือ ลาดกระบัง วิภาวดี และแจ้งวัฒนะ ประชาชนในพื้นที่ควรเตรียมพร้อมรับมือ เพราะเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมเฉียบพลัน เนื่องจากหลายจุดในพื้นที่มีการก่อสร้าง และเกิดการอุดตันของท่อระบายน้ำในพื้นที่ได้”

สำหรับแนวทางแก้ไขน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ระยะยาว ควรมีการจัดโซนโดยแบ่งเป็นเขตพื้นที่รับน้ำ ซึ่งส่วนนี้จะต้องมีบึงขนาดใหญ่ หรือสวนสาธารณะที่สามารถนำน้ำมาพักได้ ขณะที่มีฝนตกหนัก และเมื่อฝนหยุดตกจะต้องเร่งระบายน้ำในพื้นที่พักน้ำออกไปยังแม่น้ำสายหลัก เพื่อป้องกันการท่วมขังของน้ำในพื้นที่

หากย้อนไปในวันที่ 9 กันยายน 2565 ที่มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ทำให้มีปริมาณน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ เช่น ซอยแจ้งวัฒนะ มีน้ำท่วมขังบางจุด ถนนรามอินทรา มีระดับน้ำสูง 10-15 ซม. ถนนสุขาภิบาล มีระดับน้ำสูง 10 ซม. และถนนพหลโยธิน มีระดับน้ำสูง 5 ซม.