- สิบตำรวจโทหญิงสุดอื้อฉาว มีชื่อช่วยราชการ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ท่ามกลางความกังขาว่าเป็นเด็กฝากหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ได้แต่หวัง เพราะยังไม่มีกระบวนการตรวจสอบอย่างจริงจังและเปิดเผยต่อสาธารณะ
- โครงสร้างราชการที่กลายเป็นหลุมดำ "บัญชีผี" สวมชื่ออ้างทำงานเสี่ยงภัยอัพอายุราชการ รับเบี้ยเลี้ยง ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่อยากให้ตรวจสอบกำลังพลอีก 5 หมื่นนาย มีตัวตนทำงานในพื้นที่หรือไม่
- กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องรื้อระบบกำลังพลมาตรวจสอบ ขอให้ “พล.อ.ประวิตร” และฝ่ายนิติบัญญัติ ตรวจสอบเส้นทางการเงินบัญชีผี ล้างระบบอุปถัมภ์ ก่อนชาวบ้านจะสิ้นศรัทธา
กรณีอื้อฉาวของ “สิบตำรวจโทหญิง” ทำร้ายอดีตทหารหญิง จนมีการตรวจสอบพบว่า “สิบตำรวจโทหญิง” มีตำแหน่งมาช่วยราชการใน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ล่าสุด (1 ก.ย. 65) มีการแถลงผลการตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ว่ากรณีดังกล่าวมีการคัดเลือกโดยมอบหมายงานเป็นผู้ประสานการปฎิบัติด้านธุรการในระดับเจ้าหน้าที่ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้แทนนอกพื้นที่ จากการพิจารณาจึงมีความเห็นให้ยกเลิกการมาช่วยราชการ รวมถึงเรียกคืนเงินค่าตอบแทนพิเศษ ที่เบิกจ่ายไปแล้ว แต่ยังมีคำถามของคนในพื้นสามจังหวัดชายแดนใต้ ต่อกำลังพลที่อาจมีการสวมชื่อเป็น “บัญชีผี” และไม่เป็นธรรมต่อกำลังพล ที่ทุ่มเทการปฏิบัติงานเสี่ยงภัยในพื้นที่
“รอมฎอน ปันจอร์” ผู้ปฏิบัติการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ (Deep South Watch) กล่าวว่า ข้อมูลกำลังพลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรณีเป็นเด็กฝากมีชื่อรับสวัสดิการ หรือเรียกว่า “บัญชีผี” แม้มีการตั้งข้อสังเกตมานาน แต่ไม่เคยมีข้อเท็จจริงที่ออกมาสู่สาธารณะ เหตุการณ์อื้อฉาวของ “สิบตำรวจโทหญิง” จึงเป็นกรณีที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่ทำให้เห็นว่าขบวนการดังกล่าวยังคงมี และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่
...
สำหรับบัญชีกำลังพลที่ลงมาปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทบจะไม่เคยมีการตรวจสอบในพื้นที่สาธารณะ แต่มีการตั้งข้อสังเกตของชาวบ้านในพื้นที่มาโดยตลอด เนื่องจากตลอด 10 ปีที่ผ่านมามักมีปัญหาเรื่องกำลังพลในพื้นที่ไม่เพียงพอ จนบางหมู่บ้านจำเป็นต้องอาศัยกำลังพลชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ในการทำงานแทน
ที่ผ่านมาบัญชีผี ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่มีการร้องเรียนอย่างจริงจัง เพราะอาจมีการสมประโยชน์กันระหว่างผู้นำหน่วยกับเจ้าหน้าที่ผู้สวมบัญชีผี ส่วนการแบ่งผลประโยชน์ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่
ปรากฏการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นความรุนแรงที่มีความยืดเยื้อ แต่ละฝ่ายต่างมีการปรับตัว ซึ่งปรากฏการณ์บัญชีผี เป็นส่วนหนึ่งในหลายเหตุผล โดยการอาศัยเงื่อนไขพิเศษของสถานการณ์ ทั้งในส่วนของเงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ รวมถึงวันทวีคูณที่ทำให้มีอายุราชการได้เปรียบกว่าเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำงานนอกพื้นที่เสี่ยงภัย และสามารถนำไปสู่ความก้าวหน้าในอาชีพราชการได้มากกว่า
“สำหรับปรากฏการณ์บัญชีผีทำให้เห็นว่า โจทย์ทางความขัดแย้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความพร่าเลือนและไม่ชัดเจน เนื่องจากหลายกรณีความไม่สงบมีการไปตีโจทย์ว่าเป็นปัญหาของความขัดแย้งส่วนบุคคล ทั้งที่จริงเป็นปัญหามาจากโครงสร้างทางการเมือง ซึ่งต้องแก้ไขในการเจรจา เพื่อให้เกิดความสงบ ไม่ใช่ว่าอาศัยผลประโยชน์จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จนท้ายที่สุดแล้วต้องทุ่มเทกำลังพลไปอย่างเสียเปล่า”

ต้องสร้างระบบความโปร่งใสของกำลังพลอีก 5 หมื่นนาย
“รอมฎอน” ตั้งข้อสังเกตว่า ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มีการระบุถึงกำลังพลของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ไว้ในงบประมาณประจำปี 2566 มีสัดส่วนกำลังพลประมาณ 5 หมื่นนาย โดยแบ่งสัดส่วนเป็นกองกำลังปฏิบัติงานในพื้นที่ประมาณ 3 หมื่นนาย และจากการติดตามสถานการณ์กำลังพลตั้งแต่ปี 2553 พบว่าเคยมีกำลังพลมากสุดปีละ 7 หมื่นนาย
สำหรับบัญชีผี ที่เป็นปัญหามีความเป็นไปได้ว่า จะเกิดในกำลังพลระดับปฏิบัติการ เพราะกำลังพลส่วนนึงต้องผลัดเปลี่ยนการทำงานในพื้นที่ ซึ่งแต่ละหน่วยจะไม่สามารถทราบได้ว่ากำลังพลในการทำงานมีอยู่จำนวนเท่าไหร่
“กรณีสิบตำรวจโทหญิง ที่ถูกเปิดโปง จึงเผยให้เห็นปัญหาของกำลังพลในพื้นที่ยังมีอยู่ แต่ก็มีคำถามไปยัง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ว่ากรณีแบบนี้มีเหตุการณ์นี้รายเดียวหรือไม่ หรืออาจเป็นเหตุการณ์ปกติทั่วไปที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำในหน่วยงาน ดังนั้น กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะต้องมีการตรวจสอบกลไกโครงสร้างของกำลังพลอีกประมาณ 5 หมื่นกว่านาย และต้องเปิดเผยต่อสาธารณะโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะเกิดวิกฤติศรัทธา เนื่องจากตอนนี้มีผู้นำชาวบ้านในพื้นที่หลายแห่งพูดถึงกรณีนี้ว่าเป็นเรื่องที่พบเจอได้ทั่วไป แต่ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เพราะคนในพื้นที่เห็นตำตาว่ามีกำลังพลน้อย และไม่สามารถปกป้องความปลอดภัยของชาวบ้านได้”
ปัญหาบัญชีผี ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ถือเป็นเรื่องใหญ่ ที่ผู้ใหญ่ในหน่วยงานต้องทำการตรวจสอบระบบทั้งหมด และแจ้งต่อสาธารณะว่าสถานการณ์บัญชีผีของกำลังพลในพื้นที่เป็นอย่างไร และเพื่อให้กำลังพลในพื้นที่มีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่มีหลายตำแหน่งในการดูแลพื้นที่ความสงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควรใช้โอกาสนี้ในการเข้ามาตรวจสอบความผิดปกติบัญชีกำลังพล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ที่จะต้องชี้แจ้งถึงความโปร่งใส ไม่ให้เป็นหลุมดำของการแสวงหาประโยชน์
...
แต่ถ้าหากฝ่ายบริหารนิ่งเฉยอาจจะต้องหวังพึ่งฝ่ายนิติบัญญัติในการเข้ามาตรวจสอบ โดยเฉพาะกรรมมาธิการด้านความมั่นคงแห่งรัฐ เพื่อตรวจสอบการทุจริตที่เกิดขึ้น รวมถึงหน่วยงานที่ตรวจสอบด้านการเงิน เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ควรเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะเบี้ยเลี้ยงที่จ่ายล้วนเป็นภาษีของประชาชน
กรณีปัญหาของกำลังพลที่ปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงต้องติดตามถึงความชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรมต่อผู้ปฏิบัติงานเสี่ยงภัยในพื้นที่ ไม่ให้ถูกเอาเปรียบจากบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์ โดยใช้เส้นสายอย่างที่เคยเป็นมา.
ผู้เขียน : ปักหมุด