กรณีลืมเด็กในรถรับส่งโรงเรียน พื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี จนเด็กหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เสียชีวิต แต่ครอบครัวยังมีข้อสงสัยหลายกรณี และตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นการอำพรางคดีหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตมาตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิต เพื่อไขปมปริศนา แต่สำหรับนักนิติเวชศาสตร์ได้ตั้งข้อสังเกตถึงคราบเลือดที่ไหลออกทางจากจมูกของผู้ตาย ที่เป็นหลักฐานสำคัญในการคลี่คลายคดี

การลืมเด็กในรถโรงเรียนจนเกิดเหตุการณ์เสียชีวิตรายนี้ เกิดขึ้นภายในลานจอดรถของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี โดยคนขับรถโรงเรียนให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า เช้าของวันเกิดเหตุได้ไปรับนักเรียนจากหลายพื้นที่ เมื่อมาถึงโรงเรียนได้ตรวจสอบพบว่าเด็กลงจากรถหมดแล้ว จึงได้นำรถไปเก็บในลานจอดรถ จนเมื่อถึงเวลา 16.00 น. ได้มาเปิดหลังรถเพื่อเตรียมรับนักเรียนกลับบ้าน แต่กลับพบเด็กหญิงเคราะห์ร้าย นอนฟุบอยู่บนพื้นรถ ก่อนจะมีการตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตแล้ว

สำหรับปริศนาของคดี “รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี” อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ให้ข้อมูลกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า สภาพการเสียชีวิตของเด็กหญิงรายดังกล่าวมีการตั้งข้อสังเกตถึงเลือดที่ออกบริเวณจมูก ทางการแพทย์สามารถเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี คือ 1.เกิดจากแรงกระแทกภายนอกของร่างกาย 2.เลือดออกโดยไม่มีการกระทำจากภายนอก แต่เกิดจากความผิดปกติของร่างกายภายใน

นอกจากนี้มีการตั้งข้อสังเกต ด้วยความที่เด็กมีอายุ 7 ขวบ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ทำไมยังติดอยู่ในรถจนเสียชีวิต “รศ.นพ.วีระศักดิ์” มองว่า ทางนิติเวชศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ว่าการเสียชีวิตมาจากเหตุร้ายที่เกิดกับเด็ก หรือการขาดอากาศหายใจจนเสียชีวิต

...

กรณีการขาดอากาศหายใจ ต้นเหตุหลักมาจากอาการฮีตสโตรก สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะปกติเมื่อจอดรถแล้วดับเครื่อง อากาศภายในรถจะมีความร้อนเพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดอาการหมดสติเสียชีวิตได้ หรือบางกรณีเด็กอาจหลับ และเมื่อตื่นขึ้นมา ด้วยอากาศภายในรถที่น้อย ทำให้มีอาการอ่อนเพลียจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้


เคยมีการวิจัยการเสียชีวิตภายในรถพบว่า เมื่อมีอุณหภูมิภายในรถ 24 องศาฯ จอดรถไว้กลางแดดประมาณ 1 ชั่วโมง อุณหภูมิภายในรถจะขึ้นไปถึง 60 องศาฯ จนทำให้คนที่ติดอยู่ในรถเกิดเสียชีวิตจากฮีตสโตรก ขณะเดียวกันมีการทดลองว่า ถ้าเปิดหน้าต่างแง้มไว้ โดยดับเครื่องยนต์ก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้เท่ากัน ดังนั้นการแง้มหน้าต่างรถก็ไม่ได้ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้

“ลักษณะเลือดกำเดาไหลของเด็กผู้เสียชีวิต อาจเป็นผลมาจากการขาดอากาศหายใจ เนื่องมาจากการทำงานของร่างกายผิดปกติ จนทำให้เส้นเลือดฝอยภายในโพรงจมูกแตกและเสียชีวิตได้ แต่ถึงอย่างไรจะต้องมีการผ่าพิสูจน์เพื่อหาความชัดเจนมากที่สุด”

อีกกรณีของการเสียชีวิตภายในรถ และทำให้ผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว มีองค์ประกอบมาจากรถคันดังกล่าวมีการรั่วไหลของคาร์บอนมอนอกไซด์เข้ามาในห้องโดยสาร ลักษณะนี้มาจากความผิดปกติของรถยนต์ที่ใช้มานาน ซึ่งจะพบว่าผู้เสียชีวิตเมื่อสูดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าสู่ร่างกายภายใน 5-10 นาที จะหมดสติ หากไม่มีการช่วยเหลือก็จะเสียชีวิตภายในเวลาอันรวดเร็ว

“เคยมีกรณีเมื่อหลายปีก่อนที่มีผู้หญิงสองคนขึ้นไปบนแท็กซี่ แล้วเห็นคนขับจับบริเวณช่องแอร์ ก่อนที่ผู้โดยสารจะมีอาการมือเท้าชาและหมดสติ กรณีนี้มีการแจ้งความและหาว่าแท็กซี่มอมยา แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดจากการรั่วไหลของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้ามาภายในห้องโดยสารรถ แต่ก็มีคำถามว่า ทำไมคนขับไม่หมดสติ กรณีนี้ด้วยการที่คนขับสูดดมก๊าซมานาน ทำให้ร่างกายทนต่อความผิดปกติได้มากกว่า”

สำหรับแนวทางป้องกัน โรงเรียนควรจะมีการกำชับคนขับรถโรงเรียน และครูที่โดยสารมาในรถ ให้สำรวจจำนวนเด็กที่ขึ้นและลงรถทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย ส่วนคนทั่วไปไม่ควรจะไปนอนในรถ ไม่ว่าจะดับเครื่อง หรือติดเครื่องยนต์ เพราะมีโอกาสเสียชีวิตจากอาการฮีตสโตรกได้เหมือนกัน.