กรณีสิบตำรวจโทหญิง ทำร้ายร่างกายเหยื่ออดีตทหารหญิงรับใช้ด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า และกระทำความรุนแรงต่อร่างกาย ทำให้เหยื่อทนไม่ไหวต้องมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีที่สถานีตำรวจในจังหวัดราชบุรี เมื่อมีการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า มีผู้ใหญ่ระดับสูงฝากเข้ารับราชการ และนำชื่อไปช่วยราชการใน กอ.รมน.ภาคใต้ สะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ของราชการในสังคมไทย

“รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล” นักอาชญาวิทยา ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ระบบการฝากเข้ารับราชการในสังคมไทยขณะนี้ยังคงมีอยู่ เคยมีงานวิจัยในไทยระบุถึงระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยมีการเอื้อประโยชน์กันระหว่างนักการเมือง นักธุรกิจ และข้าราชการระดับสูง ผ่านระบบเครือข่ายแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เพื่อประโยชน์ต่างตอบแทน ทั้งมีตัวเงินและไม่มี กรณีเหล่านี้มีมานานกว่า 10 ปี จนมาถึงขณะนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในสังคมไทย สะท้อนว่าระบบราชการไทยไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้

“ระบบการฝากมีทั้งที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เรียกรับผลตอบแทนเป็นตัวเงินและสิ่งของ หรือเป็นการช่วยเหลือเพื่อตอบแทนบุญคุณ กรณีการฝากเข้ารับราชการของสิบตำรวจโทหญิง ที่เป็นข่าวเป็นผลมาจากการเอื้อผลประโยชน์ในลักษณะเดียวกัน”

ระบบการฝากเกิดจากหน่วยงานที่เปิดช่องยกเว้นหลักเกณฑ์ไว้ ทำให้หน่วยงานนั้นมีความเสี่ยงจะมีการฝากเข้ารับราชการ ตัวอย่างเช่นกรณีกรณีสิบตำรวจโทหญิง มีการกำหนดเกณฑ์อายุของผู้ที่เข้ารับราชการตำรวจ โดยระบุข้อยกเว้นว่า “เว้นแต่...” ซึ่งเป็นการเขียนข้อกำหนดเพื่อเปิดช่องให้สามารถฝากเข้ารับราชการได้

“การเขียนข้อกำหนดที่มีการเพิ่มช่องโหว่ หน่วยงานนั้นต้องมีมาตรการที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม ที่ผ่านมาในระบบราชการไทยยังมีปัญหาแบบนี้อยู่ในหลายหน่วยงาน

...

ข้อกำหนดที่เป็นช่องโหว่ในการนำเด็กฝากเข้ามาในระบบราชการ จะมีการระบุตำแหน่งเฉพาะทาง ซึ่งเป็นช่องทางให้ผู้ที่มีอิทธิพลในหน่วยงานสามารถฝากเข้ามารับราชการได้ง่ายกว่าตำแหน่งที่มีการเปิดสอบแข่งขัน เพราะตำแหน่งที่มีการสอบแข่งขันจะมีการเปิดผลคะแนน ผู้เข้าสอบสามารถเรียกร้องให้หน่วยงานดังกล่าวเปิดผลคะแนนได้

แต่การสอบคัดเลือกที่เป็นปัญหาส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งที่เปิดรับ โดยใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการในการพิจารณาตำแหน่งของผู้ที่รับฝากส่วนหนึ่งอาจเป็นผู้ใหญ่ในหน่วยงานดังกล่าว หรือกลุ่มนักธุรกิจที่มีบุญคุณกับหน่วยงานราชการนั้น แต่บางคนก็อาศัยอำนาจทางการเมือง

“กรณีการนำชื่อเพื่อไปช่วยราชการใน กอ.รมน. โดยที่ไม่ได้ลงไปปฏิบัติงานจริง ควรสร้างความเป็นธรรมให้กับคนทำงานเสี่ยงภัยในพื้นที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ความมั่นคง หลายคนก็อยากให้เกิดการตรวจสอบ เพื่อสร้างความเป็นธรรม และกำจัดกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลแอบอ้างให้หมดไป”

แนวทางแก้ไขในระบบราชการต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว แต่ด้วยระบบอุปถัมภ์ มีในสังคมไทยมายาวนานอาจไม่สามารถแก้ไขได้ในเร็ววัน หน่วยงานที่รับผิดชอบควรจัดให้มีระบบการสอบแข่งขันที่เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ

สำหรับกรณีสิบตำรวจโทหญิง ทำร้ายร่างกายเหยื่ออดีตทหารหญิง คดีนี้มีจุดผิดสังเกตตั้งแต่คุณวุฒิที่ใช้ในการสมัครเข้ารับราชการ มีการอ้างว่าเป็นตำแหน่งขาดแคลน รวมถึงอายุของผู้สมัครเกินเกณฑ์มาตรฐาน ดังนั้นหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องมีการตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำเหมือนกรณีนี้อีก

การสร้างความเป็นธรรมให้กับระบบราชการเป็นเรื่องที่ต้องเร่งทำ เพราะถ้าคนในระบบหมดความศรัทธาก็อาจเกิดเหตุการณ์เหมือนกรณีจ่าที่กราดยิงที่โคราช เนื่องจากหมดศรัทธาต่อผู้บังคับบัญชา สุดท้ายก็ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทยและระบบราชการในภาพรวม.