- “สมศักดิ์ เทพสุทิน” สั่งวิจัยคุณประโยชน์สารในเห็ดขี้ควาย หวังให้ชาวบ้านสร้างรายได้ปลดล็อกตามกัญชา แต่ยังเตือนโทษมีฤทธิ์เสพติด พบขายเกลื่อนกิโลกรัมละ 5 พันบาท กำชับเจ้าหน้าที่เคร่งจับกุม
- แพทย์แผนไทยเตือนผลวิจัยในไทยยังมีน้อย ยากจะปลดล็อกเหมือนกัญชา เตือนใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์เพิ่มฤทธิ์หลอนเท่าแอลเอสดี คนแพ้สารพิษหน้าแดง หายใจถี่อาจถึงตาย
- แนะเทคนิคการแก้พิษต้องทำให้ผู้ป่วยอาเจียน หรือใช้ผงถ่านคาร์บอนผสมเกลือในน้ำดื่ม 2 แก้ว เร่งให้คายพิษก่อนนำส่งโรงพยาบาลทันที
เห็ดขี้ควายหรือเห็ดวิเศษ ได้รับความสนใจอีกครั้งหลังปลดล็อกกัญชา อาจมีแนวโน้มจะปลดจากยาเสพติดประเภท 5 หรือไม่ เพราะในไทยขณะนี้มีการลักลอบใช้หลายพื้นที่ ประกอบกับเห็ดขี้ควายไทย สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แม้มีผลวิจัยในอังกฤษสามารถนำสารสกัดจากเห็ดขี้ควาย มาใช้ในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แต่ผู้เชี่ยวชาญไทยยังไม่แนะนำให้ใช้ เพราะอาจส่งผลร้ายถึงชีวิตได้
กระแสการปลดล็อกเห็ดขี้ควาย ส่วนหนึ่งมาจากการให้สัมภาษณ์ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อ 15 ส.ค. 2565 ได้กล่าวถึงการที่ประชาชนหันมาปลูกเห็ดขี้ควายมากขึ้น ขณะนี้กำลังให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ศึกษาประโยชน์ เพราะมีงานวิจัยในต่างประเทศหลายชิ้นระบุถึงสารในเห็ดขี้ควายช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า ติดเหล้าและบุหรี่
หากการวิจัยในไทยประสบความสำเร็จ จะสร้างอาชีพใหม่ให้กับชาวบ้านและชุมชน แต่ขณะนี้ยังเป็นสารเสพติด หากใช้เกินขนาดจะส่งผลร้าย ทำให้เกิดประสาทหลอน และจากรายงานของหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดพบว่า ราคาขายเห็ดขี้ควายอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท แบบแห้งกิโลกรัมละ 5,000 บาท และได้สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเคร่งครัดจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายแล้ว
...
เห็ดขี้ควายประโยชน์ไม่เท่ากัญชา ยากจะปลดล็อก
“บุษราภรณ์ ธนสีลังกูร” นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า คนไทยใช้เห็ดขี้ควายปรุงรสในอาหารคล้ายกัญชามาตั้งแต่อดีต แม้จะจัดให้อยู่ในพืชที่ให้สารเสพติด แต่ยังมีการนำเห็ดขี้ควายผสมกับแอลกอฮอล์ ตามแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กระตุ้นสารเมาในเห็ด ทำให้มีความเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
อาการเมาของผู้ใช้เห็ดขี้ควายจะส่งผลต่อระบบประสาท บางรายใช้เกินขนาดจนเกิดประสาทหลอน หน้าแดง สภาวะการหายใจเร็วกว่าปกติ ผู้ใช้บางรายมีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง จนอาจทำให้เสียชีวิตได้
แม้มีการอ้างผลวิจัยเห็ดขี้ควายในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ มีการค้นพบสารในเห็ดขี้ควายสามารถช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า แต่ผลวิจัยนี้มีผู้ทดลองเพียง 19 คน จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ถึงประสิทธิภาพการใช้ในภาพรวม ด้านผลวิจัยในไทยยังไม่มีผลยืนยันชัดเจน ดังนั้นจึงอยากเตือนผู้ที่นำมาใช้ให้ระวังผลข้างเคียงร้ายแรง
“ทางแพทย์แผนไทยมีการนำเห็ดขี้ควายผสมในตำรับยาศุขไสยาศน์ แต่ใช้ในปริมาณน้อย เพราะเห็ดขี้ควายมีสารเสพติด ที่ทำให้ผู้ใช้งานเป็นประจำติดได้ เพราะทางการแพทย์ยืนยันว่า มีสารออกฤทธิ์เหมือนแอลเอสดี หากใช้ไม่ระวังจะก่อให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี”
ถ้าเทียบเห็ดขี้ควายกับกัญชายังมีความแตกต่าง เพราะทางการแพทย์แผนไทยมีการใช้กัญชามามากกว่าเห็ดขี้ควาย ขณะที่ผลวิจัยทางการแพทย์พบว่ากัญชาช่วยบรรเทาอาการคนไข้กลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า จึงเป็นเรื่องยากที่เห็ดขี้ควายจะปลดล็อกได้เหมือนกัญชา
สำหรับคนที่ทานเห็ดขี้ควายแล้วมีอาการแพ้ ต้องพยายามให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมา หรือนำผงถ่านคาร์บอนผสมเกลือในน้ำให้ผู้ป่วยดื่มประมาณ 2 แก้ว ส่วนอีกวิธีคือให้ทานไข่ขาวประมาณ 2–3 ลูก แล้วนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
“ตอนนี้ทางหน่วยงานได้รับแจ้งมีการนำเห็ดขี้ควายไปใช้ผิดวิธีจำนวนมาก จึงอยากเตือนผู้ที่มีความเข้าใจผิด เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ในไทยมายืนยัน ดังนั้นการใช้งานเห็ดขี้ควายยังมีความเสี่ยงสูง”
...
วิธีสังเกตเห็ดพิษ ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน
“นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์” รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการสังเกตเห็ดพิษตามภูมิปัญญาชาวบ้าน มีจุดสังเกตเบื้องต้นดังนี้
- เห็ดมีก้านสูง ลําต้นโป่งพองออก ฐานกับที่วงแหวนเห็นชัดเจน
- สีผิวของหมวกมีได้หลายสี เช่น สีมะนาวถึงสีส้ม สีขาวถึงสีเหลือง ผิวของหมวกเห็ดส่วนมากมีเยื่อหุ้มดอกเห็ดเหลืออยู่ในลักษณะที่ดึงออกได้ หรือเป็นสะเก็ดติดอยู่
- ครีบดอกแยกออกจากกันชัดเจน จะมีสีขาว บางชนิดสีแดงหรือสีเขียวอมเหลือง สปอร์ใหญ่มีสีขาวหรือสีอ่อน มีลักษณะใส รูปไข่กว้าง
ผู้เขียน: ปักหมุด