การสูญเสียพระเอกตลอดกาล “สมบัติ เมทะนี” ด้วยโรคชราในวัย 85 ปี ผู้สร้างตำนาน “พระเอกนักบู๊” บนแผ่นฟิล์ม ความโด่งดังเป็นพลุแตก ทำให้นักการเมืองหลายพรรคพยายามดึงตัวเข้าร่วมเป็นสมาชิก แต่เส้นทางการเมืองของสมบัติ กลับไม่ได้งดงามเหมือนภาพบนหน้าจอ เพราะถูกปฏิเสธ เนื่องจากไม่มีวุฒิปริญญาตรี นี่จึงเป็นบาดแผลฝังลึกในความรู้สึก ทำให้มุมานะเรียนจนจบปริญญาโท จนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เมื่อปี พ.ศ. 2549 แต่เกิดรัฐประหารเสียก่อน... ความหวังบนเส้นทางการเมืองของพระเอกตลอดกาล จึงเป็นภาพที่หลายคนไม่ได้พบเห็นนัก

“ตอนลงสมัคร ส.ว. มีคนมาชวน แต่เมื่อผมเลือกเส้นทางนี้แล้วถือเป็นเกียรติประวัติ ต้องยึดมั่นสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเผื่อไปเข้าพรรคที่มีการสนับสนุน ก็ละอายกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ตลอด พรรคพวกบอกดีมาก เราเป็นราชสีห์ แต่ถ้าเข้าไปอยู่พรรคการเมือง จากราชสีห์จะกลายเป็นหมาขี้เรื้อน” สมบัติ เคยให้สัมภาษณ์ หลังได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.
ในวัย 69 เส้นทางการเมืองของสมบัติ เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หลังได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา เขตกรุงเทพฯ ด้วยคะแนนเสียง 53,526 เสียง ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 6 จากผู้ที่ได้รับเลือก 18 คน แต่การเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อปี 2549 กลับถูกล้มกระดาน เนื่องจากมีรัฐประหาร เสมือนการดับฝันเส้นทางการเมืองของพระเอกนักบู๊ ที่พยายามฝ่าฟันขวากหนามเพื่อลบคำสบประมาทมาโดยตลอด
...
แต่จากคะแนนเสียงท้วมท้นในการเลือกตั้ง ส.ว. กรุงเทพฯ ทำให้ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2549 โดยเป็นตัวแทนฝ่ายสื่อสารมวลชน นักแสดง แต่บทบาททางการเมืองกลับไม่โดดเด่นมากนัก
ถ้าย้อนกลับไปบนรอยต่อสำคัญชีวิตพระเอกตลอดกาล การเมืองเป็นสิ่งที่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก สมบัติเคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นคนสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว คุณพ่อกับย่าติดตามข่าวสารการเมืองมาตลอด ตั้งแต่อยู่บ้านเกิดในจังหวัดอุบลราชธานี
“มิตรชัย บัญชา” นอกจากจะเป็นต้นแบบด้านการแสดงแล้ว ยังถือเป็นพระเอกคนแรกๆ ที่กระโดดเข้ามาเล่นการเมือง แม้จะไม่ได้รับเลือก แต่สำหรับสมบัติ นี่เป็นอีกแรงผลักดันที่อยากจะทำให้ผู้คนยอมรับในฐานะนักแสดงที่หันมารับใช้ประชาชน แม้ในช่วงโด่งดัง “นายแพทย์กระแส ชนะวงศ์” เดินทางมาชวนให้ไปลงเล่นการเมืองด้วยตนเองถึงบ้านพักในจังหวัดบ้านเกิด แต่ด้วยงานการแสดงต้องถ่ายหนังเกือบทุกวัน จึงต้องปฏิเสธคำชวนนั้นไปก่อน

เมื่อเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยเต็มใบ สมบัติ ในวัย 50 ปี ได้รับคำชวนอีกครั้งจากสมาชิกพรรคประชากรไทย ให้ลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เมื่อปรึกษากับเพื่อนๆ ก็แนะนำให้ลงสมัครในเวทีระดับชาติ แต่ยุคนั้นมีข้อกำหนดว่า คนที่เป็น ส.ส. ต้องมีวุฒิปริญญาตรี แต่สมบัติ ในเวลานั้นมีเพียงวุฒิอนุปริญญา และด้วยคำสบประมาททำให้พระเอกตลอดกาลมุ่งมั่นเรียนจนจบปริญญาโท
สำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว. ของสมบัติ เมื่อครั้งพ.ศ. 2549 ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุนหาเสียง แต่ด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจ ประกอบกับเป็นคนชอบคุยทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่ ได้รับคะแนนเสียงท้วมท้น ขึ้นแท่นเป็น ส.ว.ในวัย 69 ปี
ที่ผ่านมา สมบัติ เคยให้ความเห็นถึงหน้าที่ ส.ว. ว่า ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลและถอดถอนนักการเมืองที่ทำหน้าที่ไม่เหมาะสม และต้องทำหน้าที่ให้อยู่ในกรอบของประชาธิปไตย เป็นปากเสียงให้ประชาชน เพราะเจตนาในการทำหน้าที่ส.ว. ต้องมาคานอำนาจทางการเมือง ดังนั้นจึงต้องวางตนเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใด หรือด้วยเพราะเป็นพรรคพวกของตัวเอง
ฉากชีวิตการเมืองของพระเอกตลอดกาล บางช่วงชีวิตอาจไม่เป็นไปดังหวัง แต่ด้วยอุปนิสัยมุ่งมั่น การปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างทั้งในจอและนอกจอ ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถยึดถือเป็นแบบอย่าง แม้สมบัติ เมทะนี พระเอกตลอดกาลจะลาลับไปแล้วก็ตาม.