กลายเป็นกระแสถกเถียงกันในโลกโซเชียล กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 แชร์เรื่องราว การคุยกันทางกล่องข้อความระหว่างพระดังที่เคยเป็นกระแสการรดน้ำมนต์ จนคนแห่ไปวัดจำนวนมาก ซึ่งในเนื้อหาได้คุยกับอดีตลูกศิษย์ และมีภาพโชว์อวัยวะเพศชาย เพื่อสอบถามถึงการลงนะหน้าทองบริเวณของลับ ทำให้มีการตั้งคำถามถึงความเหมาะสม และอยากให้ชาวโซเชียลช่วยตรวจสอบ

กรณีนี้ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” สอบถามไปยัง “นายบุญเชิด กิตติธรางกูร” ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังมีกระแสในโลกออนไลน์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปยัง “หลวงพี่แจ้” หรือ “พระครูสมุห์ตะวัน อิทฺธิโชโต” วัดน้อมประชาสรรค์ ต.ชะแมบ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงร่วมกับพระผู้ใหญ่ โดยหลวงพี่แจ้ ได้นำหลักฐานการคุยกับบุคคลดังกล่าวยืนยันว่าไม่รู้จักกันมาก่อน

ส่วนเนื้อหาข้อความที่โพสต์ในโลกออนไลน์มีการแต่งเติมเนื้อหา ทั้งนี้เนื้อความของการคุยกันฝ่ายที่แอบอ้างมีการนำชื่ออดีตลูกศิษย์ได้ทักเข้ามาเพื่อตีสนิท ก่อนขอยืมเงิน 3 แสนบาท แต่เมื่อตอบกลับไปว่าไม่มีให้ กลับถูกข่มขู่จะนำข้อความไปโพสต์ประจาน จนกลายเป็นประเด็นการลงนะหน้าทองบริเวณอวัยวะเพศ สร้างความเสื่อมเสียให้กับหลวงพี่แจ้

จากการตรวจสอบได้นำเนื้อหาที่มีการโพสต์ในโลกออนไลน์มาเปรียบเทียบกับกล่องข้อความของหลวงพี่แจ้ พบว่ามีการแต่งเติมเนื้อหา แต่เพื่อความบริสุทธิ์ใจได้แนะนำให้ไปแจ้งความ เพื่อให้ตำรวจตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นทางสำนักงานพระพุทธศาสนาและเจ้าคณะจังหวัด ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีนี้ แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หากตำรวจตรวจสอบพบมีการกระทำผิดจริง จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง

...

ขณะเดียวกันได้ให้คำแนะนำหลวงพี่แจ้ ให้ระมัดระวังการสื่อสารผ่านทางโซเชียล เพราะอาจมีมิจฉาชีพเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ขณะเดียวกันได้กำชับเจ้าคณะฝ่ายปกครองให้ช่วยดูแลความเรียบร้อย เพื่อไม่ให้มีกรณีลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะสอบถามข้อเท็จจริง
นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะสอบถามข้อเท็จจริง


กิจของสงฆ์ ทำได้แค่รดน้ำมนต์ ห้ามอวดอุตริ

“นายบุญเชิด” เน้นย้ำว่า ที่ผ่านมาสำนักงานพระพุทธศาสนา มีมติห้ามไม่ให้พระสงฆ์ประกอบพิธีกรรมอวดอุตริ หากพบว่ามีการกระทำผิดจะมีการเตือนอย่างน้อย 3 ครั้ง ถ้ายังกระทำผิดอีกจะให้เจ้าคณะในพื้นที่ลงโทษด้วยการขับออกจากวัด หรือสึกทันที ขณะนี้วัดในพื้นที่อยุธยายังไม่พบกรณีการทำผิดร้ายแรง

ปกติกิจของสงฆ์จะทำได้เพียงให้พรและรดน้ำมนต์ แต่มีกรณีฝ่าฝืนด้วยการทำสีผึ้ง อวดอ้างเสริมเสน่ห์ทำให้ประชาชนเกิดความงมงาย ขณะที่ญาติโยมไม่ควรรบเร้าให้พระสงฆ์ทำพิธีไม่เหมาะสม เพราะจะส่งผลกระทบต่อตัวพระสงฆ์ ปัจจุบันโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพและคลิปเผยแพร่อย่างรวดเร็ว โดยอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้

“หลักคำสอนของพระพุทธศาสนามุ่งเน้นให้เห็นถึงความจริง นำหลักคำสอนไปใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าหลงงมงายตามพิธีกรรมต่างๆ จึงอยากเตือนสติประชาชนที่กำลังหลงผิดให้หันมาศึกษาหลักธรรมแท้จริง และละทิ้งพิธีกรรมงมงายซึ่งเป็นเหมือนเปลือกออกไปให้มากที่สุด”


นะหน้าทอง พิธีกรรมโบราณแฝงภูมิปัญญา

“อัมรินทร์ สุขสมัย” ผู้ศึกษาด้านโหราศาสตร์และไสยเวท กล่าวว่า การลงนะหน้าทองตามศาสตร์โบราณเป็นการเสริมสิริมงคลบนใบหน้า โดยจะติดแผ่นทองบริเวณใบหน้า ลำคอ ต้นแขน แต่ไม่นำไปปิดบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเป็นของต่ำทำให้เกิดความกำหนัด สร้างผลร้ายต่อผู้ทำเพราะเป็นอวิชชา บางคนไปทำแล้วจะดีเฉพาะช่วงแรก แต่หลังจากนั้นชีวิตกลับตกต่ำ เนื่องจากเป็นวิชาสายดำบั่นทอนชีวิตของผู้ใช้งาน

...

ครูอาจารย์ในอดีตได้ใช้ภูมิปัญญาด้วยการนำแผ่นทองบริสุทธิ์มาช่วยบำรุงใบหน้าให้สดใส และตามความเชื่อเพื่อเสริมสง่าราศีบนใบหน้า ไม่ใช่การโฆษณาให้เกิดความหลงเชื่อแบบผิดๆ ดังนั้นคนรุ่นใหม่และผู้ที่สนใจ ควรพิจารณาอย่างมีสติทุกครั้ง ไม่ควรหลงเชื่อคำโฆษณาผ่านโลกออนไลน์ เพราะยุคนี้ใครก็สามารถโปรโมตตัวเองให้เป็นคนดังในออนไลน์ได้เพียงช่วงค่ำคืน

“คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจลงนะหน้าทอง ต้องดูว่าคนที่ทำมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน สถานที่ในการทำและค่าครูต้องมีความเหมาะสม ที่สำคัญไม่ควรหลงงมงายจนไม่ทำมาหากิน เพราะการหวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ทำอะไร จะยิ่งทำให้ชีวิตมีแต่ความล้มเหลว”.