26 กรกฎาคมปีนี้ เป็นการฉลองวันเกิดอายุครบ 73 ปี ของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในต่างแดน และเป็นปีที่ 16 หลังหลบหนีคดีออกนอกประเทศ แม้อดีตนายกฯ คนที่ 23 จะย้ำกับมวลชนที่สนับสนุนถึงการกลับมาเป่าเค้กวันเกิดบนแผ่นดินแม่ แต่ยังมีอีกหลายคดีความที่ค้างคารอการสะสาง การกรุยทางกลับบ้านเกิดในทางการเมือง จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตา หลังลูกสาวคนเล็ก “อุ๊งอิ๊ง” “แพทองธาร ชินวัตร” เดินหน้าลุยการเมืองตามรอยบิดา
จากจุดเริ่มต้นเส้นทางการเมืองของ “ทักษิณ” ใช้เวลา 3 ปี ปลุกปั้นพรรคไทยรักไทย จนสามารถครองเสียงข้างมากในการเลือกตั้งในปี 2544 และก้าวสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรก แต่หลังจากถูกยึดอำนาจ ยังมีเคลื่อนไหวในต่างประเทศอยู่เสมอ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” สอบถามไปยัง “รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย” อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้วิเคราะห์ว่า 16 ปี หลังทักษิณ ต้องไปอยู่ในต่างประเทศยังคงแสดงออกทางการเมืองอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงวันเกิด ที่เน้นย้ำถึงการกลับมาของตนเอง เป็นเหมือนการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นให้กับมวลชนและสมาชิกพรรคเพื่อไทย
“แต่การกลับมาของทักษิณ ยังไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีอีกหลายคดีความที่ค้างคาอยู่ ส่วนอีกปัจจัยสำคัญคือการปลุกม็อบออกมาขับไล่ หากมีการเดินทางกลับประเทศ โดยเฉพาะจังหวะการเมืองขณะนี้ยังไม่เอื้ออำนวยให้เดินทางกลับมา แม้ลูกสาวคนเล็กจะเดินหน้าเล่นการเมืองเต็มตัว แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเสียงสนับสนุนของคนรุ่นใหม่ เป็นอีกความท้าทายที่พรรคเพื่อไทย ต้องวางแผนอย่างหนัก”
...
“โทนี่ วู้ดซัม” รีแบรนดิ้งครั้งใหม่ ให้เข้ายุคสมัย
“รศ.ยุทธพร” กล่าวต่อว่า สิ่งที่ทำให้มวลชนยังถวิลหาการกลับมาของทักษิณ แม้จะมีการรัฐประหารไปแล้วถึง 2 ครั้ง หลังจากเดินทางออกนอกประเทศ แต่การที่ทหารยึดอำนาจยังไม่สามารถครองใจประชาชนได้ โดยเฉพาะนโยบายทางการเมือง ที่แม้จะผ่านมาแล้ว 20 ปี ก็ยังไม่มีพรรคการเมืองใดลบภาพจำนโยบายที่เคยทำไว้ได้
ขณะที่บทบาทของทักษิณ แม้ไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ยังมีตัวแทนเช่น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เคยนั่งเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนถูกรัฐประหาร สิ่งนี้เป็นภาพจำที่ถูกตอกย้ำอยู่เสมอ ยิ่งขณะนี้ “อุ๊งอิ๊ง” กระโดดลงมาเล่นการเมืองเต็มตัวทำให้ภาพทางการเมืองของทักษิณ ถูกพูดถึงจากคนรุ่นใหม่มากขึ้น
สำหรับภาพจำในอดีตของ “ทักษิณ ชินวัตร” มักถูกตอกย้ำด้วยนโยบายประชาชนิยม แต่การโปรโมตด้วยชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” เป็นเสมือนการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ดูผ่อนคลายบนโลกคู่ขนานการเมืองไทย ซึ่งเป็นการรีแบรนดิ้งด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
กลยุทธ์การรีแบรนดิ้งของ “โทนี่” เป็นการเรียกความนิยมจากคนรุ่นใหม่ ที่เน้นนำเสนอไลฟ์สไตล์ จึงเป็นกลยุทธ์ที่ฝ่ายตรงข้ามคาดไม่ถึง และยังสร้างการจดจำให้กับคนรุ่นใหม่ ที่เป็นฐานเสียงสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่การกลับมายังประเทศไทยของทักษิณ ยังไม่ใช่ในเวลานี้ เพราะอาจส่งผลต่อฐานคะแนนเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้
สงครามชนชั้นยืดเยื้อไม่จบ “ทักษิณ” กลับบ้านไม่ได้
“รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า ที่ผ่านมาทักษิณมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ตลอด แม้จะไม่ได้อยู่ในประเทศ และยังมองว่าตนเองถูกกระทำทางการเมืองมาโดยตลอด ซึ่งการจะกลับมายังประเทศไทยยังเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นการต่อสู้ทางการเมืองของ 2 ชนชั้น ที่คาดว่าจะไม่สามารถยุติได้ในรุ่นลูก
เนื่องจากทักษิณ เป็นเหมือนตัวแทนของคนชนชั้นรากหญ้าและชนชั้นกลางบางส่วน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นชนชั้นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ที่มาสืบทอดอำนาจต่อ แม้กลุ่มที่ครองอำนาจขณะนี้จะลงจากตำแหน่ง ซึ่งไม่แน่ว่าถ้าอนาคตทักษิณ เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จะทำให้กลับมาไทยได้ง่ายมากขึ้น
กลยุทธ์ที่ทักษิณเดินเกมเวลานี้คือ “ป่าล้อมเมือง” โดยใช้การติดต่อกับผู้นำในหลายประเทศ เพื่อโอบล้อมประเทศไทยไว้ ซึ่งถือว่าได้ผล เพราะผู้นำหลายประเทศยอมรับบทบาทของทักษิณในมุมนักธุรกิจชั้นนำของไทย จนบางทีจะเห็นว่าผู้นำบางคนติดต่อกับทักษิณมากกว่าติดต่อกับ “บิ๊กตู่” เพราะมีประสิทธิภาพในการประสานงานเชิงธุรกิจมากกว่า
“เนื่องในวาระที่คุณทักษิณ อายุครบ 73 ปี อยากให้การสื่อสารทางการเมืองกับมวลชนแต่ละครั้ง คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด โดยพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างความขัดแย้ง เพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนไทยด้วยกัน จึงอยากให้สามัคคีกัน แม้แนวคิดทางการเมืองจะแตกต่างกันก็ตาม”