การออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ปิดสภาวะเสรีกัญชา ที่อยู่ในช่วงสุญญากาศกฎหมาย ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงกัญชาเพื่อสันทนาการและนำไปใช้ผิดวิธี ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา โดยบางกรณีผู้ใช้เกิดอาการหลอนจนทำร้ายคนในครอบครัว และเกือบฆ่าตัวตายมาแล้ว
หลังปลดล็อกกัญชา มีคนไข้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้กัญชาเข้ามาพบแพทย์มากขึ้น เป็นบทสรุปจาก “นพ.ปิยะวัฒน์ เด่นดำรงกุล” กรรมการสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ที่เปิดเผยกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” โดยผู้ป่วยที่มีมากขึ้นที่สุดมาจากพฤติกรรมการใช้เพื่อสันทนาการ รองลงมาคือการนำมาใช้เองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ แต่เชื่อตามโฆษณาของผู้ขาย โดยเฉพาะน้ำมันกัญชา ที่ใช้เกินขนาดจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
“อายุของคนไข้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้กัญชาตอนนี้มีอายุต่ำลง หลายกรณีผู้ป่วยเด็กมาเพราะความเข้าใจผิดของผู้ปกครอง ที่หลงเชื่อตามโฆษณาว่า น้ำมันกัญชาถ้าไปใช้ในเด็ก จะกระตุ้นความจำ สร้างสมาธิ เลยทำให้เด็กที่ใช้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เช่นเดียวกับผู้สูงอายุ ที่ลูกหลานนำกัญชามาให้ใช้ เพราะคิดว่าจะช่วยลดการใช้ยาแผนปัจจุบันที่รักษาโรคประจำตัวอยู่ แต่เมื่อใช้แล้วอาการของโรคกลับรุนแรงมากขึ้น”
ส่วนพฤติกรรมการใช้กัญชาของคนไข้ที่มาหาแพทย์ พบได้มากที่สุดคือ การใช้น้ำมันกัญชา โดยผู้ที่ใช้หลงเชื่อตามฉลากที่ติดไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ รองลงมาเป็นการใช้กัญชาโดยสูบผ่านน้ำ ที่มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็วกว่าแบบอื่น และสุดท้ายคือการใช้กัญชาเพื่อดื่มเหมือนการชงชา แม้มีปริมาณน้อย แต่ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
...
เผยคนไข้ 2 ราย ใช้กัญชาผิดเสี่ยงถึงชีวิต
จากผลกระทบของผู้ป่วยที่ใช้กัญชา “นพ.ปิยะวัฒน์” ได้ฉายภาพกรณีตัวอย่างคนไข้รายหนึ่ง ที่มาพบแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคอีสานว่า คนไข้รายนี้มีภาวะปวดท้องคลื่นไส้อาเจียน ทานอาหารไม่ได้ พยายามไปพบแพทย์มาแล้วหลายแห่ง แต่หาสาเหตุไม่พบ เพราะคนไข้ไม่ได้บอกกับแพทย์ว่าดื่มชากัญชาเป็นประจำ สำหรับการรักษาคนไข้รายนี้ แพทย์ต้องใช้เวลาในการซักประวัติอยู่นาน จนพบว่าเป็นผลกระทบจากกัญชา จึงให้หยุดใช้และปรับสภาพร่างกายด้วยการอาบน้ำร้อน หลังจากนั้นร่างกายก็กลับมาเป็นปกติ คนไข้รายนี้แม้มีอาการไม่รุนแรง แต่ต้องสูญเสียเวลาและเงินจำนวนมาก ในการไปพบแพทย์กว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริง
ขณะที่คนไข้อีกรายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทางภาคตะวันออก กำลังศึกษาชั้นมัธยมปลาย เดิมคนไข้มีภาวะทางจิต แต่รักษาจนหายกลับไปเรียนกับเพื่อนได้ตามปกติ แต่พอปลดล็อกกัญชา เพื่อนในโรงเรียนนำกัญชามาให้ทดลอง เพราะมีการโฆษณาสรรพคุณว่าช่วยรักษาคนไข้ที่มีอาการทางจิตได้ คนไข้จึงแอบใช้โดยไม่บอกผู้ปกครอง เมื่อใช้ไปนานๆ เกิดภาวะทางจิต มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน จนทำร้ายร่างกายแม่อาการสาหัส
เหตุการณ์ของผู้ป่วยรายนี้เมื่อได้สติก็เสียใจมากและทำร้ายตัวเอง โชคดีที่มีผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยได้ทัน แต่สุขภาพจิตของเด็กคนนี้กลับแย่ลง และไม่รู้ว่าจะกลับไปเรียนกับเพื่อนได้อีกหรือไม่ ถือเป็นอีกกรณีที่ทำให้เห็นผลกระทบของการเปิดเสรีกัญชา ที่ภาครัฐควรเร่งออกกฎหมายควบคุมการเข้าถึงกัญชาของเยาวชน
นพ.ปิยะวัฒน์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.ควบคุมการใช้กัญชา จะต้องครอบคลุมทั้งด้านการแพทย์และการควบคุมเชิงกฎหมาย โดยเฉพาะการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชนในสถานศึกษา เพราะตอนนี้มีการลักลอบนำเข้ากัญชาจากประเทศเพื่อนบ้านจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ เนื่องจากไม่รู้ว่าต้นทางกัญชามีการปลูกและแปรรูปอย่างไร จึงยากที่จะระบุว่าสาร THC ที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา มีมากกว่าที่กำหนดไว้หรือไม่
ตอนนี้กัญชาในท้องตลาดหลังเปิดเสรีมีราคาถูกลง ทำให้เยาวชนสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะเด็กสามารถนำเงินที่ได้จากค่าขนมรายวันมาซื้อได้ หากไม่มีการออกกฎหมายที่ป้องกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.