เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนลงคะแนนเสียง โดยตลอดการซักฟอกรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน จะเห็นการโต้ตอบกันดุเดือด จากนักการเมืองฝีปากกล้า ที่แจ้งเกิดเป็น “ดาวสภา” และต้องจับตาดูผลงานทางการเมืองของพวกเขาต่อจากนี้กันอีกยาวๆ

สำหรับคอการเมืองที่ติดตามมาตลอด จะเห็นการผลัดเปลี่ยนหน้าของ “ดาวสภา” ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันในแต่ละยุค โดย “ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต วิเคราะห์ว่า การอภิปรายรอบนี้บรรดาดาวสภา มีความโดดเด่นเรื่องข้อมูลการอภิปราย ซึ่งบางคนไม่ได้มาจากพรรคการเมืองขนาดใหญ่ จึงเป็นสัญญาณที่ดีว่านักการเมืองในพรรคขนาดเล็กที่ถูกมองเป็นม้านอกสายตามาตลอด ก็มีศักยภาพเทียบเท่าพรรคขนาดใหญ่

“หากมองประเด็นการอภิปรายไม่ค่อยมีอะไรใหม่ แต่ถือเป็นกลยุทธ์ของฝ่ายค้านที่หวังผลการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะคะแนนเสียงจากคนรุ่นใหม่ เพราะการนำประเด็นเก่ามาพูดอีกครั้ง เช่น จีที200 จะทำให้คนรุ่นใหม่รับทราบถึงเนื้อหาที่เป็นความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้”

ศึกซักฟอกครั้งนี้ดาวเด่นที่เจิดจรัสและเป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์” คือ “นิคม บุญวิเศษ” ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย ให้ฉายาว่า “1 เสียงทองคำ” เพราะพรรคนี้มี ส.ส.แค่คนเดียว แต่ทรงคุณค่า เห็นได้จากการอภิปรายผลงานของ “สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้อย่างชัดเจนจากข้อมูลที่มีการเตรียมพร้อมอย่างละเอียด จนทำให้ผู้ถูกอภิปรายพยายามตอบเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น ซึ่งที่ผ่านมาการอภิปรายในสภาจะเห็น ส.ส. จากพรรคเล็กที่ทำหน้าที่ได้ทรงคุณค่าแบบนี้น้อยมาก

...

ส่วน “ดาวดับ” ของพรรคฝ่ายค้านคือ “ชนก จันทาทอง” ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายเรื่องส่วนตัวของ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ถือเป็นการวางตัวผู้อภิปรายที่ผิดพลาด ทั้งที่ข้อมูลในการนำเสนอค่อนข้างดี แต่พอเริ่มต้นอภิปรายก็เปิดด้วยเรื่องส่วนตัว ทำให้มีการคัดค้าน จนสุดท้ายเนื้อหาที่เตรียมมาไม่ได้ถูกนำเสนออย่างครบถ้วน และถูกตัดจบอย่างน่าเสียดาย ซึ่งจริงแล้วประเด็นนี้พรรคเพื่อไทย ควรวางตัวผู้อภิปรายที่เป็นผู้ชาย ที่มีท่าทีแข็งกร้าวกว่านี้ แต่พอเป็นผู้หญิงอภิปราย เลยทำให้เกิดการประท้วงบ่อยขึ้น

“ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
“ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)

ขณะที่นักการเมืองฝ่ายค้านที่ “เก๋าเกม” บนเวทีอภิปรายอย่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แม้รอบนี้เนื้อหาที่อภิปรายจะไม่โดดเด่น แต่ลีลาการอภิปรายยังคงเส้นคงวา เพราะส่วนหนึ่งคงอยากเปิดทางให้ดาวสภารุ่นใหม่แจ้งเกิดบ้าง

“การอภิปรายรัฐบาลรอบนี้ อาจไม่ดุเดือดเลือดพล่านเหมือนยุคคุณสมัคร สุนทรเวช แต่จะเห็นถึงคุณภาพในเนื้อหาที่ ส.ส.หลายคนยังสามารถพัฒนาทักษะการพูดในการนำเสนอให้มีความน่าสนใจได้ในอนาคต ซึ่งการอภิปรายรอบนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของนักการเมืองหน้าใหม่หลายคน ที่ต้องปูเส้นทางเพื่อเรียกคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า”

ฝันร้ายของรัฐมนตรีบางคน ชี้แจงไม่เคลียร์ คาใจสังคม

บนเวทีศึกซักฟอกรัฐบาล ท่ามกลาง “ดาวเด่น” และ “ดาวดับ” ก็จะมีรัฐมนตรีที่ไม่สามารถตอบคำถามจากการอภิปรายได้ชัดเจน เปรียบเสมือนฝันร้าย ต้องตอบคำถามสังคมต่อจากนี้ โดย “ผศ.วันวิชิต” วิเคราะห์ว่า รัฐมนตรีหลายท่านไม่สามารถตอบคำถามจากการอภิปรายได้ชัดเจน โดยเฉพาะ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่สังคมยังคงคาใจกรณีการซุกหุ้น และคาดว่าจะมีการขุดคุ้ยประเด็นนี้นอกสภาต่อจากนี้

...

ไม่เท่านั้น “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นอีกหนึ่งดาวดับที่อาการหนักที่สุดของฝั่งรัฐบาล เพราะตลอดการชี้แจงแทบจะอ่านเอกสารทุกบรรทัด และพูดซ้ำๆ คำว่า "นะครับ" หลายครั้ง ทำให้การอภิปรายค่อนข้างน่าเบื่อ จนหลายคนแซวว่าไม่มีการซักซ้อมทำข้อมูลการชี้แจงมาก่อน และอาจส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประชาชน

แต่ที่น่าเป็นห่วงและส่งผลต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลคือการแสดงท่าทีขณะ “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พูดเรื่องการยึดอำนาจแล้วชี้ไปที่ “บิ๊กตู่” แล้วหัวเราะชอบใจ ภาพนี้ไม่น่าเกิดขึ้นในที่ประชุมสาธารณะ เพราะบนเวทีการเมืองระดับประเทศจะซีเรียสอย่างมากในการแสดงท่าทีการยึดอำนาจของทหาร แต่ผู้นำของไทยเมื่อพูดเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลก และอาจถูกมองในแง่ลบได้จากประเทศที่มีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยแบบเต็มใบ.