จากเหตุไฟไหม้สำเพ็ง พื้นที่กลางเมืองกรุงเทพฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บจากการสำลักควัน 9 ราย ต้นเพลิงเกิดจากอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เบื้องต้นคาดว่า เกิดจากหม้อแปลงระเบิด และตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน ถือเป็นเหตุการณ์ไฟไหม้ ที่เกิดไล่เลี่ยกับเหตุไฟไหม้ในชุมชนบ่อนไก่ เขตคลองเตย กลางเมืองกรุงเทพฯ เช่นกัน โดยสองเหตุไฟไหม้นี้ สะท้อนถึงเหตุร้ายจากอัคคีภัย ที่คนกรุงเทพฯ ต้องเตรียมพร้อมรับมือเสมอ

"อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ" หัวหน้ารถกู้ภัยและรองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า เหตุไฟไหม้สำเพ็งเป็นพื้นที่ชุมชน มีผู้พักอาศัยอยู่จำนวนมาก และบ้านส่วนใหญ่ค้าขายวัสดุที่ติดไฟง่าย ทำให้เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้จะลุกลามอย่างรวดเร็ว

ภาพโดย : ชุติมน เมืองสุวรรณ
ภาพโดย : ชุติมน เมืองสุวรรณ

สำหรับเหตุไฟไหม้ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยเฉพาะอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านชำรุด ขณะที่สาเหตุรองลงมาเกิดจากผู้สูงอายุจุดธูปเทียนทิ้งไว้แล้วลืมดับ รวมถึงการตั้งเตาไฟประกอบอาหาร แล้วลืมปิดแก๊ส ทำให้เป็นต้นเหตุของการลุกลามของไฟอย่างรวดเร็ว

...

ส่วนเมื่อเกิดไฟไหม้แล้วลุกลามและต้องใช้เวลาดับไฟนานนั้น เพราะพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุไฟไหม้ ส่วนใหญ่เป็นชุมชนแออัด ที่บ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ หลังคาติดกัน ทำให้ไฟลุกไหม้ได้ง่ายและเป็นวงกว้าง

นอกจากนี้พื้นที่ตึกสูงและคอนโดมิเนียมยังมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากตอนนี้หลายพื้นที่กรุงเทพฯ มีตึกสูงอยู่จำนวนมาก เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ต้องใช้รถกระเช้า เพื่อลำเลียงหัวน้ำดับเพลิงไปฉีดบริเวณต้นเพลิง ซึ่งการทำงานของรถกระเช้าต้องใช้พื้นที่มาก แต่คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มีพื้นที่โดยรอบที่คับแคบ ทำให้เป็นข้อจำกัดในการที่รถกระเช้าจะเข้าถึงตัวอาคาร

ภาพโดย : ชุติมน เมืองสุวรรณ
ภาพโดย : ชุติมน เมืองสุวรรณ

วิธีรับมือและการเอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้

“หลักของการควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลาม จะต้องทำการดับใน 2-3 นาทีแรกหลังเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งถ้าปล่อยให้เพลิงลุกลามเกิน 5 นาที จะยากต่อการควบคุม โดยช่วงนาทีแรกคนที่เห็นเหตุการณ์ควรรีบใช้น้ำดับต้นเพลิง หรือใช้ถังดับเพลิงฉีดพ่นเพื่อควบคุม ซึ่งถังดับเพลิงต้องบำรุงรักษา โดยการนำถังมาเขย่าไม่ให้น้ำยาในถังตกตะกอนทุก 3-4 เดือน”

เหตุเพลิงไหม้ส่วนใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิต จะเกิดช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ที่คนส่วนใหญ่กำลังหลับ ซึ่งบางคนไม่ทันระวังตัวจนสำลักควันเสียชีวิต ดังนั้นการเอาตัวรอดจากเหตุไฟไหม้ จะต้องตรวจสอบเหตุผิดสังเกต และเมื่อเกิดเพลิงไหม้ควรจะมีสติ สำรวจตนเองว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ก่อนช่วยเหลือคนรอบข้าง หรือทำการดับต้นเพลิงตั้งแต่วินาทีแรก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุลุกลาม

ภาพโดย : ชุติมน เมืองสุวรรณ
ภาพโดย : ชุติมน เมืองสุวรรณ

สำหรับกรณีไปพักในโรงแรม ควรสังเกตทางหนีไฟก่อนเข้าห้องพัก เพราะหากเกิดเหตุร้ายขึ้นจะได้หนีเอาตัวรอดได้ทัน ขณะที่พื้นที่พักอาศัยหรือคอนโดมิเนียม ไม่ควรนำสิ่งของไปวางไว้ในพื้นที่ทางหนีไฟ เนื่องจากที่ผ่านมา เมื่อเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบาก เพราะมีการนำสิ่งของมาวางไว้

จากข้อมูลของ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพฯ พบว่า เหตุไฟไหม้ในพื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่เกิดจากการเผาหญ้าและขยะ รองลงมาเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้มากที่สุด 5 ปีย้อนหลังดังนี้ 

...

  • 2560 มีนบุรี 15 ครั้ง บางแค 13 ครั้ง วัฒนา 12 ครั้ง
  • 2561 จตุจักร 16 ครั้ง คลองเตย 14 ครั้ง มีนบุรี 12 ครั้ง
  • 2562 คลองสามวา บางกะปิ ลาดกระบัง เขตละ 14 ครั้ง
  • 2563 บางแค ป้อมปราบศัตรูพ่าย ภาษีเจริญ เขตละ 11 ครั้ง
  • 2564 ช่วง 3 เดือนแรก บางกะปิ 5 ครั้ง จอมทอง บางเขน บางพลัด ประเวศ เขตละ 4 ครั้ง