จากประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ให้กัญชาไม่เป็นยาเสพติด ในวันที่ 9 มิถุนายน 2565 มีผลทำให้ผู้กระทำผิดและถูกคุมขัง ในกรณีถือครองกัญชา จะพ้นผิดแบบ “ล้างไพ่” ทั้งระบบ และรวมถึงทรัพย์สิน ที่หน่วยงานรัฐยึดมา จำเป็นต้องคืนให้ถูกต้องตามกฎหมาย นี่จึงเป็นปรากฏการณ์ที่หลายคนต่างจับตา และตั้งข้อสงสัยถึงการล้างความผิดในลักษณะนี้ เคยมีมาก่อนหรือไม่?

ป.ป.ส.คืนทรัพย์สิน ผู้กระทำผิด 95 คดี

“วิชัย ไชยมงคล” เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า หลังมีประกาศปลดล็อกกัญชาในวันที่ 9 มิถุนายนนี้ จะไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และมีผลทำให้ผู้ที่เคยกระทำผิดในฐานผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย และเสพ มีไว้ในครอบครอง ได้รับปล่อยตัวจากการคุมขัง

ส่วนกลุ่มกำลังพิจารณาคดี จะถือว่าไม่มีความผิด โดยเฉพาะในรายสำคัญ ที่ ป.ป.ส. ยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทำผิดไว้ ในคดีที่ยังไม่ถึงที่สุด จะมีการคืนเงินพร้อมดอกเบี้ย รวมถึงทรัพย์สินที่ยึดมามีการขายทอดตลาดไปแล้ว เป็นประเภทที่ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เช่น บ้าน, สัตว์เลี้ยง เป็นต้น แต่ถ้าเป็นทรัพย์สินที่เก็บไว้ จะทำการคืนในทุกรายการ

...

หลังประกาศปลดล็อก มีคดีที่ต้องส่งคืนทรัพย์สินจำนวน 95 คดี รวมมูลค่ากว่า หนึ่งร้อยล้านบาท ขณะนี้ทางหน่วยงาน ได้ทำเรื่องไปยังกองทุนที่เก็บรวบรวมทรัพย์สินของผู้ต้องหา เพื่อทำการคืนเงินให้กับทุกคดี ให้เกิดความโปร่งใส ส่วนกรณีที่มีการดำเนินคดีสิ้นสุดแล้ว จะไม่ได้รับทรัพย์สินคืน

"การปล่อยตัวผู้กระทำผิด เคยมีมาก่อนแล้ว หลังการปลดล็อกใบกระท่อม ทำให้กระบวนการทำงานต้องเคร่งครัดมากขึ้น เพราะตามกฎหมายอาญา การยกโทษให้ผู้กระทำผิดแบบย้อนหลัง ถือเป็นการยกคุณประโยชน์ให้กับผู้กระทำผิด ซึ่งมีช่องของกฎหมาย สามารถทำได้"

เตรียมปล่อยตัวผู้กระทำผิดคดีกัญชา

ส่วนนักโทษถูกคุมขัง ขณะนี้กระทรวงยุติธรรม ได้ประสานกับกรมราชทัณฑ์ เพื่อส่งคำร้องขอปล่อยตัวไปสู่ศาล และจะมีคำสั่งปล่อยตัวหลังจากวันที่ 9 มิถุนายนนี้ ซึ่งการปล่อยตัวจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับกระบวนการดำเนินเรื่องปล่อยตัวของแต่ละราชทัณฑ์

สำหรับการทำงานของ ป.ป.ส. หลังมีการปลดล็อกกัญชา จะต้องมีการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา อาจมียาเสพติดหลายชนิดระหว่างการถูกจับกุมและดำเนินคดี โดยต้องแยกของกลางที่มีกัญชาออกมาจากหลักฐานในการจับกุม

ส่วนตัวสนับสนุนการใช้กัญชาทางการแพทย์ ในการรักษาโรคต่างๆ ให้กับผู้เจ็บป่วย แต่ไม่อยากให้ใช้กัญชาจนเกินขนาด และอาจไปก่อเหตุร้าย โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เยาวชน เข้าไปเป็นกลุ่มเสี่ยง ขณะนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขกำลังร่างกรอบเพื่อป้องกัน ซึ่ง ป.ป.ส. พร้อมจะร่วมมือ หากมีการวางกฎเกณฑ์ในการป้องกันหลังจากนี้


สถิติจับกุมคดีกัญชากระจายทั่วประเทศ

ข้อมูลจากศาลยุติธรรม โดยศูนย์ข้อมูลคดี ระบุถึงการกระทำผิดในการครอบครองกัญชา เมื่อปี พ.ศ.2562 เดือนมกราคม-ตุลาคม พบว่า มีผู้กระทำความผิดในการครอบครองกัญชากระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งต่างจากการกระทำความผิด ในการครอบครองใบกระท่อม ส่วนใหญ่กระจุกตัวบริเวณภาคใต้

ขณะที่ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับกัญชา ถูกจับกุมมากที่สุดในพื้นที่คือ 1.กรุงเทพฯ 2.นครราชสีมา 3.สุราษฎร์ธานี 4.ภูเก็ต 5.อุบลราชธานี โดยหลังมีการประกาศปลดล็อกกัญชา จะทำให้ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัว ได้รับการปล่อยตัว แต่หากมีคดีอื่นร่วมด้วย จะต้องได้รับโทษกระทำผิดต่อตามการพิจารณาของศาล.